fbpx
RECOMMENDEDREVIEW

รีวิว EDIFIER : W320TN “หูฟังไร้สายรายละเอียดดี ที่มีเสียงทุ้มเด้งเป็นลูก ๆ ไมโครโฟนชัด ตัดเสียงรบกวนดี”

หลังจากที่ส่งหูฟังไร้สายออกมาสร้างชื่อก่อนหน้านี้หลายรุ่น ผมคิดว่าในนาทีนี้ชื่อของ EDIFIER (เอดิไฟเออร์) น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่หลายคนอาจต้องเก็บไว้พิจารณาในเวลามองหาหูฟังไร้สายตัวใหม่มาใช้งาน เหมือนเช่นเคยผมมองว่าปัจจัยหนึ่งที่เป็นจุดขายของยี่ห้อนี้ก็คือ ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพที่เกินราคา

อย่าง EDIFIER W320TN หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดของแบรนด์ก็เช่นกัน ครั้งแรกที่ผมได้ทราบรายละเอียดทางเทคนิคและราคาของหูฟังรุ่นนี้ ผมก็รู้สึกว่าคุณสมบัติของมันดูไม่สอดคล้องกับราคาเลย หมายความว่ามันเป็นหูฟังไร้สายราคาแค่ 2,990 บาท แต่กลับมีคุณสมบัติเทียบเท่า หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายที่มีราคาสูงกว่ากันเป็นเท่าตัว !

คุณสมบัติและการออกแบบ
EDIFIER W320TN เป็นหูฟังไร้สาย true wireless ที่เป็นดีไซน์แบบเอียร์บัด (open-fit) มาพร้อมกับเทคโนโลยี Bluetooth ใหม่ล่าสุดในเวลานี้ นั่นคือ Bluetooth 5.3 (อ่านข้อดีของ Bluetooth 5.3 ได้ที่นี่ https://www.avtechguide.com/what-you-should-know-about-bluetooth-5/)

ขณะเดียวกันภายใต้ดีไซน์ภายนอกที่แลดูธรรมดาและเป็นอะไรที่คุ้นเคย ทว่าภายในตัวหูฟังกลับบรรจุเอาไว้ด้วยเทคโนโลยีล้ำ ๆ ที่เรามักพบได้ในหูฟังไร้สายระดับพรีเมียม

อย่างเช่น การเชื่อมต่อเสียงแบบไร้สายด้วย Bluetooth Codec LDAC (LDAC หรือ SBC) พร้อมการรับรอง Hi-Res Audio Wireless ด้านตัวขับเสียงเป็นไดนามิกไดรเวอร์ขนาด 13mm ตอบสนองความถี่เสียงตั้งแต่ 20Hz-40kHz

หูฟังไร้สายรุ่นนี้ยังมีระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC), โหมดฟังเสียงแวดล้อม, คุณสมบัติในการเชื่อมต่อได้สองอุปกรณ์พร้อมกัน และ Game Mode ที่ช่วยลดความหน่วงแฝงของเสียง (latency) ในระหว่างการเล่นเกมหรือการรับชมวิดีโอ เพื่อให้ภาพและเสียงไม่เกิดการดีเลย์

Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds

นอกจากนั้น EDIFIER W320TN ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ และระบบไมโครโฟน 6 ตัว (ข้างละ 3 ตัว) ทำงานร่วมกับระบบตัดเสียงรบกวนแบบ AI (AI Algorithm) ที่คุยว่าสามารถลดทอนเสียงรบกวนรอบข้างในระหว่างการพูดคุยสนทนาได้ถึง 90% ช่วยให้การสนทนามีความกระจ่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ตัวหูฟังยังได้รับการออกแบบให้สามารถกันน้ำและฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP54 ขณะที่แบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้นานถึง 5.5 ชั่วโมง (เมื่อปิด ANC) หรือ 3.5 ชั่วโมง (เมื่อเปิดใช้งาน ANC) หากใช้งานร่วมกับเคสชาร์จเวลารวมในการใช้งานจะเพิ่มขึ้นเป็น 27.5 ชั่วโมง (เมื่อปิด ANC) และ 17.5 ชั่วโมง (เมื่อเปิดใช้งาน ANC)

หูฟังไร้สาย EDIFIER W320TN มีสีให้เลือกสองสีคือ สีเทาเข้ม (Grey) และสีขาวงาช้าง (Ivory) วางจำหน่ายในประเทศไทยผ่านการทำตลาดโดยบริษัท 425degree (www.425degree.com) ในราคา 2,990 บาท

การเชื่อมต่อและการใช้งานเบื้องต้น
เบื้องต้นต้องบอกว่าตัวจริงของ EDIFIER W320TN นั้นดูดีกว่าในรูปพอสมควรเลยทีเดียว สำหรับหูฟังที่นำมารีวิวนี้เป็นสีเทาเข้ม ตัวเคสชาร์จและตัวหูฟังเป็นวัสดุไฮเทคพลาสติกที่มีผิวมันเงา ที่ตัวหูฟังมีส่วนควบคุมสั่งงานเป็นระบบบีบที่ก้านหูฟัง สามารถรับคำสั่งได้เมื่อเราบีบที่ก้านหูฟังสองหรือสามครั้ง (Double pinch/Triple pinch) หรือแตะที่ก้านหูฟังแล้วค้างไว้ (Tap and hold)

Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds

Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds

สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับตัวหูฟังก็มีเคสชาร์จ, สายชาร์จ USB-C (USB-A to USB-C ) ความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร และคู่มือการใช้งาน

การจับคู่กับอุปกรณ์บลูทูธหากเป็นอุปกรณ์ Android หูฟังรุ่นนี้รองรับคุณสมบัติ Fast Pair ของ Google เพียงนำไปวางเอาไว้ใกล้กันแล้วเปิดฝาเคสชาร์จ บนหน้าจอเป็นอุปกรณ์ Android ก็จะมีเมนูจับคู่ pop-up ขึ้นมาบนหน้าจอ ให้กดจับคู่และเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ ในไม่กี่วินาที

ในกรณีของอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Android สามารถเข้าโหมดจับคู่หูฟังได้ง่าย ๆ โดยการเปิดฝาเคสชาร์จแล้วกดปุ่มด้านหลังเคสชาร์จค้างไว้จนมีไฟสถานะที่ตัวเคสชาร์จติดกระพริบ จากนั้นก็สามารถจับคู่เชื่อมต่อกันได้ตามปกติ

เช่นเดียวกับหูฟังไร้สายรุ่นอื่น ๆ ของ EDIFIER หูฟังรุ่นนี้สามารถใช้งานร่วมกับ companion app ชื่อ Edifier Connect เพื่อเข้าถึงการแสดงผลที่มีรายละเอียดมากขึ้น การตั้งค่าในเมนูย่อยส่วนต่าง ๆ ตลอดจนการอัปเดตเฟิร์มแวร์ในอนาคต

Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds
การจับคู่เชื่อมต่อด้วย Fast Pair กับอุปกรณ์ Android ที่รองรับ LDAC (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)
Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds
หน้าเมนูหลักในแอปฯ Edifier Connect (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)

ในตัวแอปฯ เราสามารถมองเห็นระดับพลังงานแบตเตอรี่ทั้งส่วนที่อยู่ในตัวหูฟังแต่ละข้างและส่วนที่อยู่ในตัวเคสชาร์จ สำหรับเมนูตั้งค่าในหน้าหลักนั้นก็มีการเลือกใช้งานโหมดตัดเสียงรบกวน (ซึ่งเป็นแบบ Adaptive noise cancellation) ที่ตัดเสียงได้เงียบจริง คือเงียบไม่เป็นรองพวกหูฟังอินเอียร์ที่มี ANC เลย ถ้าเลือกใช้งานโหมดฟังเสียงแวดล้อมก็ยังสามารถปรับระดับของเสียงแวดล้อมที่เราต้องการได้ยินได้ หรือถ้าหากไม่ต้องการใช้งานทั้งสองฟังก์ชันนี้ก็สามารถเลือกปิดไปได้เช่นกัน ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นด้วย

จากหน้าเมนูหลักเมื่อปัดไปทางซ้ายก็เป็นเมนูตั้งค่า Sound effect ซึ่งที่จริงแล้วก็คือ Preset EQ ที่เขาทำมาให้แล้วจากโรงงาน ไม่มีส่วนที่ custom เองเหมือนใน NeoBuds Pro สามารถเลือกได้ทั้งหมด 4 ตัวเลือก คือ Classic, Pop, Classical และ Rock

ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญนะครับ เพราะจะเป็นตัวกำหนดแนวเสียงของหูฟังรุ่นนี้เลย ผมเองจำไม่ได้แล้วว่าค่าเริ่มต้นนั้นเขาเลือกเอาไว้ให้ที่ตัวเลือกไหน บอกได้เพียงว่าเป็นเสียงที่ไม่ค่อยถูกหูผมสักเท่าไร จำได้คร่าว ๆ ว่าเบสมันเยอะมาก (มากไป) แต่อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบเสียงทุ้มเป็นพิเศษ

คือหูฟังรุ่นนี้คุณไม่ต้องกลัวนะครับว่าเสียงมันจะบาง หรือออกไปทางแหลมเฟี้ยวฟ้าวระคายหู เพราะโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นหูฟังที่ค่อนข้างมีเนื้อเสียงหนา สมดุลเสียงค่อนข้างให้น้ำหนักไปทางด้านเสียงทุ้มมากกว่าเสียงแหลม โดยรสนิยมส่วนตัวผมพอใจตัวเลือก ‘Classical’ มากที่สุดครับ

ดังนั้นในรีวิวหากมีการพูดถึงคุณภาพเสียงขอให้เข้าใจตรงกันว่าเป็นการฟังในโหมดตัวเลือกนี้ (เสียดายนิดหน่อยที่ไม่มี EQ ให้ปรับแต่งโดยละเอียดเองได้เหมือนกันรุ่น NeoBuds Pro) และในหน้าเมนูหลักหากปัดไปทางซ้ายอีกครั้งเป็นการเข้าสู่หน้าเมนูเปิดใช้งาน Game mode

Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds
การตั้งค่าในส่วนของการควบคุมสั่งงานที่ก้านหูฟังแต่ละข้าง (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)
Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds
การตั้งค่าและการใช้งานฟังก์ชันในส่วนอื่น ๆ ที่เหลือ (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)

สำหรับการตั้งค่าในส่วนอื่น ๆ ก็มีตั้งแต่การตั้งค่า Control setting ให้การควบคุมสั่งงานแต่ละรูปแบบ (Double pinch, Triple pinch, Tap and hold) เป็นการสั่งงานอะไรบ้าง โดยพื้นฐานก็เป็นการควบคุมการเล่นเพลง, การปรับความดังเสียง หรือการเปิดปิดการใช้งานโหมดตัดเสียงรบกวน

นอกนั้นแล้วปุ่มควบคุมที่ก้านหูฟังยังสามารถตั้งค่าความไวในการกดได้ด้วย ขณะที่ฟังก์ชันตรวจจับการสวมใส่, เสียงแจ้งสถานะในหูฟัง, โหมดเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันสองเครื่อง ก็สามารถเลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้ได้ด้วยเช่นกัน

อีกหนึ่งเมนูในแอปฯ Edifier Connect ที่น่าสนใจสำหรับหูฟังไร้สายรุ่นนี้ก็คือ ‘Soothing sound’ หรือเสียงแบคกราวด์เพลิน ๆ ซึ่งส่วนมาเป็นเสียงตามธรรมชาติหรือเสียงสังเคราะห์ที่เลียนแบบเสียงธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศในเวลาที่เราไม่ต้องการฟังเพลง แต่ก็ไม่ชอบให้บรรยากาศรอบตัวมันเงียบจนเกินไป ก็ลองเลือกใช้งานกันดูครับเขามีเสียงให้เลือกเยอะเลย

ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนเสียงพวกนี้เราต้องซื้อเป็นแอปฯ แยกไปเลยต่างหาก แต่ตอนนี้คนที่ใช้หูฟัง EDIFIER W320TN สามารถเข้าไปใช้งานได้ฟรีในแอปฯ Edifier Connect ครับ

ในระหว่างการใช้งานในเบื้องต้นผมมีโอกาสได้ใช้ EDIFIER W320TN คุยโทรศัพท์ ผลลัพธ์จากการสอบถามปลายสายทุกคนพูดตรงกันว่าไมค์ทางด้านผมนั้นชัดเจนมาก เหมือนผมคุยโดยใช้ไมโครโฟนในตัวโทรศัพท์โดยตรง แต่เกือบทั้งหมดนั้นเป็นการสนทนาอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้เสียงรบกวนจอแจมากนัก

การใช้งานและคุณภาพเสียง
EDIFIER W320TN น่าจะเป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายแบบเอียร์บัดเสียงไม่กี่รุ่นในเวลานี้ที่มาพร้อมกับ LDAC Codec ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในคุณสมบัติระดับพรีเมียมสำหรับหูฟังไร้สาย อย่างไรก็ดีเราควรทราบก่อนว่านอกจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับหูฟังต้องรับรอง LDAC เช่นกันแล้วถ้าหากเราเปิดใช้งานโหมดเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันสองเครื่องในหูฟังรุ่นนี้มันจะไม่สามารถเชื่อมต่อด้วย LDAC ได้ และจะสลับไปเชื่อมต่อด้วย SBC Codec ทันที

ดังนั้นหากเราจะรีดเอาประสิทธิภาพสูงสุด (อย่างน้อยก็ในทางเทคนิค) จากหูฟังรุ่นนี้อุปกรณ์เล่นเพลงควรรองรับ LDAC ซึ่งในที่นี้ผมเลือกใช้งานสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S22 Ultra และเครื่องเล่นเพลง FiiO M11S เป็นอุปกรณ์ในการเล่นเพลง และให้ปิดการใช้งานโหมดเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันสองเครื่องในแอปฯ Edifier Connect ไปเสียก่อน

Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds
การใช้งานกับ Samsung Galaxy S22 Ultra (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)

จากการฟังเพลงทางออนไลน์ทั่วไปในเพลย์ลิสต์นี้ (https://youtube.com/playlist?list=PLtaK2a8bJpBYJQrSyvWjIEiq9UKTJAZU2) ครบทุกเพลง สิ่งแรกที่ผมนึกถึงก็คือ ‘ฟังสนุกคึกคักดีชะมัด (ใจจริงอยากใช้คำที่ได้อารมณ์กว่านี้)’ แต่ เอ๊ะ นอกจากเสียงทุ้มที่เป็นกลุ่มเป็นก้อน มีความกระเด้งออกมาเป็นลูก ๆ แล้วเสียงมันก็ยังฟังชัดมากแถมไม่รู้สึกว่ารกจนเกินไปด้วย

มันทำให้ผมนึกถึงภาพตอนที่ทีมออกแบบหูฟังรุ่นนี้เขาได้รับโจทย์ว่าให้ไปจูนเสียงมาแบบนี้ ประมาณว่า “ขอเสียงแบบที่คนเล่นเครื่องเสียงเขาชอบ แต่ให้เติมความสนุกคึกคักลงไปชูรสเยอะ ๆ หน่อย แบบว่าใส่ไปเต็มที่เลยนะอย่าอั้นไว้”

ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ครับ เพลงอย่าง ‘PA PA YA !’ ของ BABYMETAL, ‘MONEY’ ของ LISA BLACKPINK, ‘The Weekend’ ของ BIBI หรือ ‘ธาตุทองซาวด์’ ของ ยังโอม ล้วนแล้วให้เสียงทุ้มกระเด้งออกมาเป็นลูก ๆ และรายละเอียดเสียงอื่นที่เหลือนั้นไม่รกหูหรือคมแข็งเลย หูฟังบางตัวให้เสียงเพลงเหล่านี้ในลักษณะฟังสบายไม่ก้าวร้าวก็จริง แต่มันฟังไม่สนุกถึงใจอย่างนี้

นี่น่าจะเป็นครั้งแรก ๆ หรือการฟังเพลงเหล่านี้เพียงไม่กี่ครั้งที่ผมได้ยินรายละเอียดควากระจ่างชัดในเสียงร้องโดยที่ไม่ถูกเสียงทุ้มมัน ๆ มากลบไปหมด มันให้เสียงเหมือนมีหูฟังที่มีไดรเวอร์สองตัวต่อข้างทั้งที่ความจริงมันมีแค่ตัวเดียว ผมว่าผมสามารถแกะว่ายังโอมเขาร้องอะไรบ้างในเพลงนี้ได้มากและชัดเจนกว่าที่เคย ท่ามกลางเสียงทุ้มที่มันคัลเลอร์จัด ๆ แต่ฟังสนุกเป็นบ้า (อีกครั้งที่ผมอยากใช้คำที่ได้อารมณ์กว่านี้)

ผมว่าเสียงของหูฟังรุ่นนี้เรามองข้ามเรื่องความ flat ความเที่ยงตรง ความเป็นธรรมชาติหรือความเป็นมอนิเตอร์จ๋า (ตรงไปตรงมาโดยปราศจากการแต่งเติม) ไปได้เลยครับ มันคือหูฟังที่เกิดมาเพื่อความบันเทิงทางโสตประสาทโดยเฉพาะ ปกติเพลย์ลิสต์ข้างต้นนั้นน้อยครั้งมากที่ผมสามารถฟังต่อเนื่องจนจบทุกเพลงในเพลย์ลิสต์ได้ หลายครั้งที่ผมฟังแล้วรู้สึกกล้าหูจนต้องหยุดฟังชั่วคราวหรือหยุดยาวไปเลย

ทว่าหูฟังอย่าง EDIFIER W320TN มันทำให้ผมสามารถฟังทุกเพลงในเพลย์ลิสต์นี้ไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง นั่นหมายความว่าภายใต้คัลเลอร์ซึ่งชัดเจนมากในย่านความถี่ต่ำของหูฟังรุ่นนี้ ไม่ได้ส่งผลลบต่อการถ่ายทอดรายละเอียดเสียงในย่านความถี่อื่น ๆ มากนัก ในทางกลับกันมันอาจมีส่วนช่วยสนับสนุนรายละเอียดเสียงเหล่านั้นเสียด้วยซ้ำ !

Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds
การใช้งานกับ FiiO M11S (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)

เมื่อเปรียบเทียบกับหูฟังไร้สายที่มีดีไซน์คล้าย ๆ กันอย่าง Apple AirPods Gen 3 หูฟังของ Apple ให้เสียงที่ bright กว่า และเสียงทุ้มที่มีปริมาณมากแต่ไม่ได้รวบตึงออกมาเป็นลูก ๆ เหมือนอย่างหูฟังของเอดิไฟเออร์ ยิ่งเมื่อเร่งเสียงให้ดังมากขึ้นตามปริมาณความสะใจ หูฟังของ Apple ก็ยิ่งมีความเจี๊ยวจ๊าวเพิ่มมากขึ้นแทนที่จะฟังสนุกเร้าใจมากขึ้นเหมือนอย่างหูฟังของเอดิไฟเออร์

ถ้าจะเทียบหูฟังของ Apple ผมว่า EDIFIER W320TN มีความคล้าย AirPods Pro Gen 2 มากกว่า แต่มีกลางแหลมฟังที่สบายหูกว่านิดหน่อย และเพิ่มปริมาณเสียงทุ้มที่ช่วยชูรสชาติความสนุกคึกคักเติมเข้าไปจนทำให้มันมีอิมแพ็คหรือความกระแทกกระทั้นเกินจริงเกินความเป็นธรรมชาติไปเล็กน้อย ทว่าดีกรีความสนุกนั้นเชื่อเถอะครับว่ามันไม่เป็นรองใครแน่ ๆ

ผมได้ลองเอา EDIFIER W320TN ไปใช้งานกับ DAP FiiO M11S เพื่อฟังเพลงที่ตั้งใจบันทึกเสียงให้มีคุณภาพดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พบว่าหูฟังสามารถถ่ายทอดรายละเอียดเสียงส่วนใหญ่ในเพลงเหล่านั้นออกมาได้แทบไม่แตกต่างจากหูฟังไร้สายระดับพรีเมียม เพียงแต่ในย่านความถี่ต่ำที่มีลักษณะถูกหนุนหรือยกขึ้นมาให้เด่นกว่าย่านความถี่อื่น ๆ นั้น บางครั้งมันเกยขึ้นมาในย่านเสียงกลางต่ำทำให้เสียงร้องผู้ชายขาดความเป็นธรรมชาติไปบ้าง อารมณ์เหมือนเรากำลังฟังลำโพงตู้ปิดขนาดเล็กที่วางไว้ใกล้ฝาผนังหรืออะไรทำนองนั้น

ผมแอบนึกไปว่าถ้ามันมีพาราเมตริกอีคิวให้ปรับแต่งเสียงได้เหมือน NeoBuds Pro แล้วเราสามารถปรับลดในบางช่วงความถี่ต่ำลงไปอีกหน่อย คุณภาพเสียงของหูฟังรุ่นนี้น่าจะสมบูรณ์มากกว่านี้เพราะผมรู้สึกว่าตัวไดรเวอร์เขาคุณภาพดีมาก เพียงแต่เขาตั้งใจจูนมาให้เสียงมันเป็นแบบนี้ (เน้นความสนุก เน้นโชว์พลังเสียงทุ้ม) ซึ่งก็น่าจะถูกจริตคนฟังเพลงจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

EDIFIER W320TN เหมาะกับใคร ?
ผมว่า EDIFIER W320TN เป็นหูฟังที่มีจุดขายชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์แบบ open-fit ที่พยายามเอาใจคนที่ไม่ชอบใส่หูฟังแบบอินเอียร์ การใส่ฟีเจอร์ล้ำ ๆ อย่าง Adaptive Noise Cancellation, ไมโครโฟนหกตัว, Bluetooth 5.3 หรือการเชื่อมต่อแบบ LDAC

เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่ามันเป็นหูฟังสำหรับคนที่มองหาความคุ้มค่า เพราะน้อยครั้งเหลือเกินที่เราจะได้เห็นคุณสมบัติเหล่านี้พร้อมกันในหูฟังไร้สายราคาต่ำกว่าสามพันบาท

Review Edifier W320TN Hi-Res ANC TWS Earbuds

เมื่อได้ลองฟังเสียงจุดขายของหูฟังไร้สายรุ่นนี้ก็ยังคงชัดเจนในจุดขายของมัน คือมันเกิดมาเพื่อรองรับคอนเทนต์ทั่ว ๆ ไปโดยไม่เกี่ยงว่าคอนเทนต์นั้นจะต้องบันทึกเสียงมาดีเป็นทุนเดิม มันเป็นหูฟังที่ขายลักษณะเสียงฟังสนุกคึกคัก เสียงทุ้มมีความกระแทกกระทั้น มีความกระโดดเด้งออกมาเป็นลูก ๆ เป็นเสียงที่ปรับจูนมาแล้วจากโรงงานโดยเดาใจว่าคนส่วนใหญ่น่าจะชอบเสียงแบบนี้ โดยเฉพาะคนที่ฟังดนตรีสมัยใหม่ประเภทที่เน้นจังหวะจะโคนเป็นพิเศษ รับรองว่ามันสะใจแบบถึงพริกถึงขิงแน่นอน !


นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย:
425 Degree (https://425.ee/3rXTZuw)
ราคา 2,990 บาท

🔴 ทดลองฟังได้ที่ 425degree Flagship store ชั้น 4 Central World (ข้างร้าน Muji)
🔴 โค้ดส่วนลด Code : W320TNx425 (ใช้ได้ถึง 31 สิงหาคม 2566 ใช้ได้ทั้งการสั่งซื้อออนไลน์และหน้าร้าน 425degree)

มนตรี คงมหาพฤกษ์

ผู้ก่อตั้งสื่อออนไลน์ AV Tech Guide อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารและออนไลน์ GM2000 Magazine จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สนใจเครื่องเสียงทั้งระบบอะนาล็อกและดิจิทัล ใช้งานสมาร์ทโฟนทั้ง iOS และ Android ใช้คอมพิวเตอร์ทั้ง macOS และ Windows หลงใหลเทคโนโลยีเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้กำลังเห่อระบบบันทึกเสียงและไมโครโฟนแบบมืออาชีพ