fbpx
RECOMMENDEDREVIEW

รีวิว Bose : Smart Soundbar 900 “ซาวด์บาร์ Dolby Atmos ที่พร้อมจะเปลี่ยน ‘ห้องนั่งเล่น’ ให้กลายเป็น ‘โรงภาพยนตร์’ ขนาดย่อม”

หลังจากที่ได้ส่งลำโพงซาวด์บาร์ออกวางตลาดมาแล้วสักระยะหนึ่ง เมื่อปลายปีที่ผ่านมา Bose (โบส) ผู้ผลิตลำโพงชื่อดังได้เปิดตัว Bose Smart Soundbar 900 ลำโพงซาวด์บาร์ระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ชูจุดเด่นเป็นลำโพงซาวด์บาร์ Dolby Atmos ชิ้นเดียวที่พร้อมจะเปลี่ยน ‘ห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น’ ให้กลายเป็น ‘โรงภาพยนตร์’ ขนาดย่อม

คุณสมบัติและการออกแบบ
Bose Smart Soundbar 900 เป็นลำโพงซาวด์บาร์ชิ้นเดียวที่ถูกออกแบบมาให้รองรับระบบเสียง Dolby Atmos (รวมทั้ง Dolby Digital, Dolby TrueHD, Dolby Digital Plus) สามารถแยกมิติเสียงที่โอบล้อมได้ทั้งในแนวระนาบและแนวดิ่ง จากตัวขับเสียงที่บรรจุอยู่ภายในลำโพงซาวด์บาร์ตัวบาง ๆ

ซึ่งก็มีทั้งส่วนของตัวขับเสียงที่ให้เสียงยิงออกทางด้านหน้า ด้านข้าง และที่ยิงเสียงขึ้นด้านบนเพื่อถ่ายทอดมิติเสียงรอบทิศทางที่สมจริงมากยิ่งขึ้น

Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
ตัวขับเสียงทั้งหมดในตัวลำโพงซาวด์บาร์

โดยภายในลำโพงซาวด์บาร์ที่มีขนาดความยาว 41 นิ้ว สูงแค่ 2.3 นิ้ว และมีรูปทรงที่เพรียวบางแต่ภายในบรรจุเอาไว้ด้วยลำโพงหรือตัวขับเสียงมากถึง 9 ตัว จัดวางอยู่ภายในตัวลำโพงซาวด์บาร์โดยส่วนหนึ่งยิงเสียงออกมาทางด้านหน้าซ่อนอยู่หลังตะแกรงโลหะรูพรุนสีดำ ขณะเดียวกันมีตัวขับเสียง 2 ตัวที่ยิงเสียงขึ้นด้านบนปิดด้วยตะแกรงโลหะรูพรุนสีดำเช่นกัน

ลำโพงทั้ง 9 ตัวในซาวด์บาร์สามารถถ่ายทอดมิติเสียงรอบทิศทางได้โดยอาศัยเทคโนโลยี PhaseGuide ของทางโบสเอง ซึ่งเทคโนโลยีนี้โบสคุยว่าสามารถให้ความรู้สึกของมิติเสียงจากตำแหน่งต่าง ๆ ภายในห้องโดยที่ตรงตำแหน่งนั้น ๆ ไม่จำเป็นต้องมีลำโพงติดตั้งอยู่จริง ๆ

Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
ตัวขับเสียงที่ยิงเสียงขึ้นด้านบน
Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
ตัวขับเสียงที่ยิงเสียงขึ้นด้านบน ให้มิติเสียงในแนวตั้งได้ด้วย

ด้วยเทคนิคดังกล่าวทำให้ Bose Smart Soundbar 900 สามารถถ่ายทอดเสียงรอบทิศทางในรูปแบบ Dolby Atmos ออกมาได้สมบูรณ์กว่าลำโพงซาวด์บาร์ทั่วไป ขณะเดียวกัน Bose ยังคุยว่าแม้จะชมคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ระบบเสียง Dolby Atmos ก็ยังสามารถฟินกับมิติเสียงโอบล้อมรอบทิศทางได้เช่นกันด้วยเทคโนโลยี TrueSpace ของทางโบสเอง

ในด้านการเชื่อมต่อ ตัวซาวด์บาร์สามารถเชื่อมต่อกับทีวีได้ทางขั้วต่อ HDMI eARC หรือ Optical input นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อระบบ network ได้ทั้งทางขั้วต่อ Ethernet หรือ Wi-Fi เพื่อสตรีมเพลงผ่าน Spotify Connect, Apple AirPlay 2 และ Chromecast built-in

หรือจะสตรีมไร้สายทาง Bluetooth (Bluetooth 4.2) ก็สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียงทั้ง Google Assistant และ Amazon Alexa โดยอาศัยไมโครโฟนที่บิลต์อินมาในตัว

Bose Smart Soundbar 900 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเฉพาะของโบสเช่น การปรับชดเชยอะคูสติก ADAPTiQ audio calibration รวมถึงเทคโนโลยี SimpleSync เชื่อมต่อสัญญาณกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของโบส (บางรุ่น https://www.bose.com/en_us/support/article/using-groups.html) ที่รองรับเทคโนโลยีด้วยวิธีแบบง่าย ๆ

การเชื่อมต่อใช้งาน
การทดสอบใช้งาน ผมเชื่อมต่อ Bose Smart Soundbar 900 เข้ากับทีวี Xiaomi TV Q1E 55” ทางพอร์ต HDMI eARC เพื่อเล่นเสียงจากทีวีโดยตรง

เมื่อต่อเพิ่มแหล่งสัญญาณอื่น ๆ เช่น กล่อง Apple TV 4K รุ่นล่าสุด หรือคอมพิวเตอร์ที่ผมได้ลองนำมาใช้เล่นไฟล์ demo ของ Dolby (แอปฯ Dolby Access) ก็สามารถเชื่อมต่อ HDMI จากอุปกรณ์เหล่านี้เข้าที่อินพุตอื่น ๆ ของตัวทีวีได้เลย สัญญาณ Audio Return Channel จากอุปกรณ์เหล่านั้นจะถูกเชื่อมโยงจากทีวีส่งต่อมายังตัวซาวด์บาร์โดยไม่ต้องต่อสายอะไรเพิ่มให้วุ่นวาย

Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
อุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับลำโพง
Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
ขั้วต่อสายไฟเอซี
Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
ขั้วต่อ optical และ Ethernet
Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
ขั้วต่อ ADAPTiQ และขั้วต่อเสริมอื่น ๆ

อีกหนึ่งส่วนที่แนะนำให้เชื่อมต่อก็คือ การเชื่อมต่อระบบ network ไม่ว่าจะเป็นแบบเสียบสาย LAN เข้าทางพอร์ต Ethernet ด้านหลังตัวซาวด์บาร์หรือเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wi-Fi จากนั้นก็ตั้งค่าใช้งานต่อในแอปฯ Bose Music ซึ่งเป็นแอปฯ ในอุปกรณ์สมาร์ทโฟน (iOS, Android) ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถตั้งค่า ควบคุมสั่งงานแทนรีโมตคอนโทรลได้ด้วย

ในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับตัวซาวด์บาร์ก็มีให้มาพร้อมใช้งานทั้งสาย HDMI และ Optical นอกจากนั้นก็มีสายไฟเอซี, รีโมตคอนโทรล และ ADAPTiQ headset ที่ช่วยทำหน้าที่เป็นไมโครโฟนสำหรับใช้งานในระบบปรับแก้อะคูสติกของห้อง

เวลาใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้ก็เพียงแค่เสียบสายสัญญาณจาก ADAPTiQ headset เข้าที่ตัวซาวด์บาร์ แล้วทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ในแอปฯ Bose Music เท่านั้นเอง

Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
การเชื่อมต่อ Bose Smart Soundbar 900 กับแอปฯ Bose Music (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)
Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
การใช้งานฟังก์ชัน ADAPTiQ (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)
Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
การใช้งานฟังก์ชัน SimpleSync (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)
Review Bose Smart Soundbar 900 Dolby Atmos soundbar
การแสดงข้อมูลของระบบเสียงที่เล่นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง LPCM 2.0, LPCM 5.1 หรือว่า Dolby Atmos (คลิกดูภาพใหญ่รายละเอียดสูง)

อีกส่วนที่อยากแนะนำคือ แม้ที่ตัวซาวด์บาร์มีปุ่มควบคุมด้วยระบบสัมผัส แต่หลัก ๆ แล้วควบคุมจากรีโมตคอนโทรลหรือแอปฯ ในสมาร์ทโฟนจะสะดวกกว่า โดยเฉพาะการควบคุมจากแอปฯ นั้นจะแสดงข้อมูลของระบบเสียงที่เล่นอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง LPCM 2.0, LPCM 5.1 หรือว่า Dolby Atmos

พลังเสียงและมิติเสียงแบบตัวเดียวเอาอยู่
โดยคุณสมบัติพื้นฐานแล้ว Bose Smart Soundbar 900 เป็นลำโพงซาวด์บาร์สมัยใหม่ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติมากมายสำหรับการใช้ดูหนังและฟังเพลง ทว่าจากความรู้สึกแล้วมันน่าจะเน้นไปทางดูหนังมากกว่า เนื่องจากโบสไม่ได้พูดถึงการฟังเพลงแบบ lossless หรือ hi-res audio เหมือนซาวด์บาร์ที่เน้นการฟังเพลงเป็นพิเศษอย่าง Bluesound Pulse Soundbar

ครั้งแรกที่เสริม Bose Smart Soundbar 900 เข้าไปแทนลำโพงในทีวี เสียงที่ได้ก็ดีขึ้นมากมายแบบคนละเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นรายการทีวีทั่วไปหรือการสตรีมจากแอปฯ YouTube ลำโพงซาวด์บาร์รุ่นนี้สามารถถ่ายทอดเสียงที่ไม่เพียงแค่แตกต่าง ทว่าเป็นความแตกต่างอย่างมีคุณภาพด้วย

ขนาดของตัวซาวด์บาร์นั้นเหมาะกับทีวีขนาดประมาณ 55 ถึง 75 นิ้ว ให้เสียงอิ่มใหญ่ มีพลัง กระหึ่มหนักแน่นได้โดยไม่ต้องเสริมด้วยซับวูฟเฟอร์ โดยเฉพาะในห้องขนาดเล็กถึงขนาดปานกลาง (ไม่เกิน 20 ตารางเมตร)

ตัวลำโพงซาวด์บาร์สามารถถอดรหัสและเล่นเสียง Dolby Atmos หรือระบบเสียง 5.1ch จากแหล่งสัญญาณต่าง ๆ เช่น การสตรีมเพลง Netflix, Apple TV+, Disney+ Hotstar ได้โดยตรงเลย

และตัวขับเสียงพิเศษที่ติดตั้งแบบยิงขึ้นด้านบนสำหรับระบบเสียง Dolby Atmos ทำให้ในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องซึ่งมิกซ์เสียงในระบบ Dolby Atmos มาได้อย่างโดดเด่น เช่น GreyHound (Apple TV+), San Andreas (iTunes Movie), Ready Player One (iTunes Movie) หรือ Birdbox (Netflix) ให้เสียงออกมาได้อย่างน่าทึ่ง

เช่น ฉากเปิดใน GreyHound เสียงเครื่องบิน เสียงลม เสียงคลื่น เสียงฟ้าร้องที่ได้ยิน บางช่วงทำให้แทบลืมไปเลยว่าเสียงทั้งหมดนั้นมาจากลำโพงซาวด์บาร์ตัวบาง ๆ แค่ตัวเดียวที่วางอยู่ตรงหน้า

หรือฉากหนึ่งใน Skycrapper (chapter นาทีที่ 1:12:12) เสียงกังหันยักษ์ที่หมุนรอบตัวนักแสดงนำ แทบไม่น่าเชื่อว่าเสียงจาก Bose Smart Soundbar 900 แค่ตัวเดียว สามารถจำลองมวลเสียงที่หนักแน่น รู้สึกได้ถึงวัตถุขนาดใหญ่ และมิติเสียงที่เสมือนว่าเรากำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกังหันยักษ์นั้น ฉากนี้ถือว่าสามารถแสดงศักยภาพของซาวด์บาร์รุ่นนี้ออกมาได้อย่างถึงพริกถึงขิงเลยทีเดียว

หรืออย่างใน San Andreas (chapter 4-5) ฉากตึกถล่ม และเฮลิคอปเตอร์ที่บินไปมา เสียงจาก Bose Smart Soundbar 900 แม้ว่าจะไม่ได้แยกมิติเสียงได้อิสระชัดเจนเหมือนอย่างชุดลำโพงแยกชิ้น แต่ก็พอมีมิติซ้าย-ขวา หน้า-หลัง บน-ล่าง ให้สัมผัสได้ มีความอึกทึกนุ่มแน่นเป็นจุดเด่น เรียกว่ารับชมได้สนุกเพลิดเพลินเอาเรื่อง ไม่ได้ให้เสียงจืดชืดเหมือนอย่างที่รู้สึกแต่แรกว่าลำโพงซาวด์บาร์แค่ตัวเดียว จะได้แค่ไหนกัน

สำหรับคนที่สงสัยว่าซาวด์บาร์รุ่นนี้ใช้ฟังเพลงได้ดีแค่ไหน ผมอาจไม่ได้ลองใช้ฟังเพลงอย่างจริงจัง แต่ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าเมื่อลองใช้รับชมภาพยนตร์ที่มีซาวด์แทรคหรือเพลงเป็นจุดเด่นอย่าง Bohemien Rhapsody (iTunes Movie) และ A Star is Born (iTunes Movie) ผมว่าซาวด์บาร์รุ่นนี้ฟังเพลงดีเลย โทนเสียงนุ่มแน่นฟังสบาย ไม่โฉ่งฉ่างจัดจ้านบาดหู อันนี้คือที่ยืนยันได้ชัดเจนแน่นอน

Bose Smart Soundbar 900 เหมาะกับใคร ?
โบสโปรโมตลำโพงรุ่นนี้ว่า ‘Theater-like sound. At home.’ หรือ ‘เสียงแบบโรงภาพยนตร์ ที่บ้าน’ ผมเองก็เห็นด้วยครับว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

ลำพังตัวซาวด์บาร์เองก็ให้เสียงที่เรียกว่าน่าทึ่งเกินตัวแล้ว ชนิดที่ว่าถ้าหากไม่เคยเห็นกันมาก่อนแล้วให้หลับตาฟัง เราคงไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นมาจากลำโพงตัวบาง ๆ แค่นี้เพียงตัวเดียวแน่นอน

ในกรณีที่ห้องมีขนาดใหญ่ หรือต้องการเสียงที่กระหึ่มกว่านี้ ก็สามารถเสริมด้วยด้วยลำโพงเซอร์ราวด์หลัง หรือซับวูฟเฟอร์ของแบรนด์เองได้ด้วยเช่นกัน โดยซื้อเพิ่มเป็นออปชันเสริม

ดังนั้นผมคิดว่า Bose Smart Soundbar 900 คือตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นลำดับต้น ๆ สำหรับคนที่ต้องการเสียงที่มีความกระหึ่มและมิติเสียงที่สมจริงในแบบโฮมเธียเตอร์แท้ ๆ ทว่าไม่ต้องการระบบที่สลับซับซ้อนหรือมีความยุ่งยากในการติดตั้งใช้งาน นี่แหละใช่เลย !


นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เพาเวอร์ บาย จำกัด
Power Buy Call Center โทร. 0-2904-2120
ราคา 37,900 บาท

มนตรี คงมหาพฤกษ์

ผู้ก่อตั้งสื่อออนไลน์ AV Tech Guide อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารและออนไลน์ GM2000 Magazine จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สนใจเครื่องเสียงทั้งระบบอะนาล็อกและดิจิทัล ใช้งานสมาร์ทโฟนทั้ง iOS และ Android ใช้คอมพิวเตอร์ทั้ง macOS และ Windows หลงใหลเทคโนโลยีเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้กำลังเห่อระบบบันทึกเสียงและไมโครโฟนแบบมืออาชีพ