รีวิว Belkin : SOUNDFORM CONNECT Audio Adapter with AirPlay 2 “เครื่องเสียงอะไรก็เล่น AirPlay 2 ได้ง่าย ๆ”
ในปัจจุบันมีเครื่องเสียงบางรุ่นที่ออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อบลูทูธ เพื่อให้เราสามารถสตรีมเพลงหรือสตรีมเสียงแบบไร้สายจากแหล่งสัญญาณภายนอกได้ เช่น จากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่นเพลงแบบพกพารุ่นใหม่ ๆ
ขณะเดียวกันก็มีเครื่องเสียงบางรุ่นที่ออกแบบให้สามารถสตรีมเพลงแบบไร้สายผ่านเทคโนโลยี AirPlay หรือ AirPlay 2 ของ Apple ได้ เช่น Marantz PM7000N, Cambridge Audio Evo 75, Bowers & Wilkins Formation Duo, KEF LSX หรือ Bose Smart Soundbar 900
สำหรับเครื่องเสียงที่ไม่มีเทคโนโลยีเหล่านั้นมาในตัว อาจเพราะเป็นรุ่นที่ออกมานานแล้วหรือแค่ผู้ผลิตไม่ได้ให้ความสำคัญ ก็สามารถหาอุปกรณ์เสริมที่เป็นตัวรับสัญญาณมาต่อพ่วงได้ โดยเฉพาะในกรณีของอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อบลูทูธนั้นในตลาดมีตัวเลือกอยู่พอสมควร
ทว่าในกรณีของการเพิ่มอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อ AirPlay นั้น ดูเหมือนตัวเลือกนั้นมีค่อนข้างจำกัดเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น Belkin SOUNDFORM CONNECT Audio Adapter with AirPlay 2 อุปกรณ์เสริมที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์คนที่อยากสตรีม AirPlay แต่เครื่องเสียงเดิม ๆ นั้นไม่รองรับ
คุณสมบัติและการออกแบบ
Belkin SOUNDFORM CONNECT Audio Adapter with AirPlay 2 (ซึ่งต่อไปขอเรียกอย่างย่อว่า SOUNDFORM CONNECT) วางจำหน่ายในบ้านเราในราคา 3,990 บาท โดยพื้นฐานแล้วอุปกรณ์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นตัวรับสัญญาณเสียงที่สตรีม AirPlay 2 มาจากอุปกรณ์ iOS, iPadOS และ macOS ของ Apple รวมถึงอุปกรณ์ที่สามารถสตรีม AirPlay 2 ได้ (ดูรายการอุปกรณ์ได้จากลิงก์นี้ https://support.apple.com/en-us/HT208728)
เมื่อเชื่อมต่อเอาต์พุตของ SOUNDFORM CONNECT ซึ่งมีให้เลือกใช้งานทั้งสัญญาณดิจิทัล (optical) และสัญญาณอะนาล็อก (3.5mm) เข้ากับเครื่องเสียงเดิมที่เราใช้งานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเอวีรีซีฟเวอร์, อินทิเกรตแอมป์, ปรีแอมป์, ลำโพงแอคทีฟ หรือว่าลำโพงซาวด์บาร์ เพียงเท่านั้นเครื่องเสียงเดิม ๆ ของเราก็จะกลายเป็นอุปกรณ์ที่พร้อมให้สตรีม AirPlay มาฟังเสียงได้ทันที
SOUNDFORM CONNECT ยังรองรับเทคโนโลยี AirPlay 2 นั่นหมายความว่ามันสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องเสียง AirPlay 2 ชุดอื่น ๆ ในบ้าน ในรูปแบบของระบบเสียงมัลติรูมสตรีมมิงได้ด้วย (คุณสมบัติพื้นฐานของ AirPlay 2) ด้วยคุณภาพเสียงในระดับ CD Quality (16bit/44.1kHz)
อุปกรณ์ SOUNDFORM CONNECT รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ทั้งความถี่ 2.4GHz และ 5GHz ไม่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ไม่รองรับ Siri และไม่รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android
การเชื่อมต่อและการใช้งาน
SOUNDFORM CONNECT เป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กประมาณกล่องไม้ขีดไฟ ตัวเครื่องมีความยาว 43.4mm กว้าง 62mm และหนา 19mm วางบนฝ่ามือยังมีที่เหลือ น้ำหนักเท่าที่ลองชั่งดูด้วยเครื่องชั่งดิจิทัลหนักเพียง 27 กรัมเท่านั้น ทำให้การจัดวางร่วมกับชุดเครื่องเสียงเดิม ๆ แทบไม่ต้องมีการขยับขยายเพื่อหาพื้นที่ให้อุปกรณ์ตัวใหม่เลย
ด้านบนของ SOUNDFORM CONNECT มีโลโก้ยี่ห้อและจุดไฟ LED ขนาดเล็กแสดงสถานะการทำงาน (ดูรายละเอียดได้ที่นี่ https://www.belkin.com/us/support-article?articleNum=318262) ใกล้ ๆ กันนั้นยังมีช่องเล็ก ๆ เป็นตำแหน่งของไมโครโฟนสำหรับใช้ปรับความหน่วงช้า (latency) ของเสียง ทำงานร่วมกับแอปฯ Belkin Soundform ในสมาร์ทโฟน โดยเข้าไปปรับตั้งได้ที่เมนู Sync Audio
ด้านข้างฝั่งหนึ่งของตัวเครื่องเป็นพอร์ต USB-C สำหรับเสียบไฟเลี้ยงจากอะแดปเตอร์จ่ายไฟและสาย USB-C to USB-A ที่ให้มาด้วยกันในกล่อง และปุ่ม reset ที่ต้องใช้ปลายเข็มกลัดหรือเข็มปลดถาดซิมแยงเข้าไปเพื่อกด
อีกฝั่งหนึ่งเป็นช่องเสียบสัญญาณเสียงขาออกไปเข้าที่ชุดเครื่องเสียงของเรา เลือกได้ระหว่างอะนาล็อก 3.5mm หรือดิจิทัล optical ซึ่งทางผู้ผลิตแนะนำให้เลือกใช้งานช่องใดช่องหนึ่ง ไม่แนะนำให้ใช้เสียบงานทั้งสองช่องพร้อมกัน
เนื่องทางผู้ผลิตยังไม่ได้ให้สายเชื่อมต่อทั้งสองแบบมาในกล่อง ดังนั้นตัวผู้ใช้งานจำเป็นต้องทราบก่อนว่าจะใช้งานแบบไหน และต้องการสายเชื่อมต่อแบบใด เช่น ในกรณีที่ต้องการเชื่อมต่อกับ DAC แยกชิ้น, DAC ในตัวแอมป์ หรือลำโพงแอคทีฟ/ลำโพงซาวด์บาร์ที่มีอินพุต optical ก็เพียงแค่เสียบใช้งานด้วยสาย optical
แต่ถ้าจะใช้งานกับแอมป์หรือลำโพงแอคทีฟที่มีเฉพาะอินพุตอะนาล็อก ก็หาสาย 3.5mm to 3.5mm หรือ 3.5mm to Stereo RCA มาใช้งานตามความเหมาะสม
อย่างเช่น ในรีวิวนี้ได้ลองต่อใช้งาน SOUNDFORM CONNECT กับอินทิเกรตแอมป์ NAD C316BEE v2 ทางช่องอินพุตอะนาล็อกโดยใช้สายเชื่อมต่อ 3.5mm to Stereo RCA เพียงเท่านี้ก็ทำให้อินทิเกรตแอมป์ราคาประหยัดรุ่นนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบเสียง AirPlay 2 ของเราได้แล้ว
จากการลองใช้งานพบว่าหลังจากเสียบไฟเลี้ยงครั้งแรก สิ่งที่ต้องทำคือ การตั้งค่าเบื้องต้น (initial setup) ซึ่งทำได้ง่ายและสะดวกมาก เพียงแค่นำสมาร์ทโฟน iOS (iPhone 13 Pro Max) ไปแตะที่โลโก้ NFC tag ด้านล่างตัว SOUNDFORM CONNECT ตามคำแนะนำในคู่มือ จากนั้นก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนที่แสดงบนหน้าจอของไอโฟน ซึ่งก็สามารถทำได้สะดวกราบรื่นดี
หลังจากการตั้งค่าเบื้องต้นแล้ว ตัว SOUNDFORM CONNECT สามารถใช้งานร่วมกับแอปฯ ‘Belkin Soundform’ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทำได้ตั้งแต่การควบคุมสั่งงาน การอัปเดตเฟิร์มแวร์ การเปลี่ยนชื่ออุปกรณ์ รวมถึงการตั้งค่า Sync Audio ตามที่ได้แจ้งไว้ข้างต้น
สำหรับการต่อใช้งานในโหมดเอาต์พุตอะนาล็อกผ่านแจ็ค 3.5mm พบว่าคุณภาพเสียงที่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสายสัญญาณด้วย ในภาพรวมสำหรับภาค DAC ในตัว SOUNDFORM CONNECT นั้นถือว่าคุณภาพดีพอใช้ได้ เสียงสะอาดสดใสดี ฟังเพลิน ๆ ได้ ไม่เสียหายอะไร
แต่ถ้าใครที่ใช้งาน DAC แยกชิ้นคุณภาพดีอยู่ หรือมั่นใจว่า DAC ในอินทิเกรตแอมป์บางรุ่น/ในเอวีรีซีฟเวอร์ มีคุณภาพเสียงดีกว่า DAC ในตัว SOUNDFORM CONNECT แนะนำให้ต่อใช้งานทางช่องเอาต์พุต optical มีโอกาสจะได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า ตรงนี้ถือว่าเป็นความยืดหยุ่นในการใช้งานของอุปกรณ์อย่าง SOUNDFORM CONNECT ทำให้ค่าตัวที่ 3,990 บาทของมันยิ่งดูมีความคุ้มค่ามากขึ้นไปอีก
SOUNDFORM CONNECT เหมาะกับใคร ?
จากที่ได้ลองใช้งานมา ในภาพรวมเราค่อนข้างประทับใจในประสิทธิภาพของ SOUNDFORM CONNECT แต่ก็มีข้อสังเกตว่านอกจากไม่สามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟน Android ได้แล้ว ดูเหมือนว่าการตั้งค่าเบื้องต้นก่อนใช้งาน SOUNDFORM CONNECT ยังจำเป็นต้องตั้งค่าผ่านไอโฟนเท่านั้น
อีกทั้งในระหว่างการใช้งานตัวเครื่องเองมีความร้อนพอสมควร การจัดวางตัวเครื่องอย่าลืมพิจารณาเรื่องการระบายความร้อนด้วย
อย่างไรก็ดี ในแง่ที่เราประทับใจก็ชัดเจนว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกสร้างมาเพื่อผู้ใช้งานในกลุ่มที่ใช้งานอีโคซิสเต็มของ Apple อยู่แล้ว และต้องการสตรีมเพลงหรือเสียงโดยใช้เทคโนโลยี AirPlay 2 ของ Apple กับเครื่องเสียงเดิม ๆ ที่ใช้งานอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้คุณภาพเสียงใกล้เคียงกับสิ่งที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว
ใครที่มีความต้องการเช่นนั้น SOUNDFORM CONNECT จาก Belkin ตัวนี้น่าจะเป็นอุปกรณ์เพียงหนึ่งเดียวในเวลานี้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยตรง !