สหภาพยุโรปเตือน Apple อย่าคิดจำกัดคุณสมบัติขั้วต่อ USB-C ถ้าไม่อยากถูกห้ามขาย
นายเธียรี เบรตัน กรรมาธิการยุโรปสำหรับตลาดภายในได้ออกโรงเตือน Apple อย่างจริงจังเกี่ยวกับการเปิดตัวขั้วต่อ USB-C ใน iPhone รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ โดยเขาได้เน้นย้ำว่าระบุว่าขั้วต่อ USB-C ใน iPhone จะต้องไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ในการใช้งานตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น หากไม่ปฏิบัติตามอาจส่งผลให้สหภาพยุโรปตอบโต้กลับด้วยการสั่งห้ามขาย
ที่ผ่านมามีข่าวว่า Apple ซึ่งกำลังนำขั้วต่อ USB-C มาใช้กับ iPhone 15 ขณะเดียวกันพวกเขาก็กำลังหาวิธีสร้างรายได้จากการเปลี่ยนแปลงขั้วต่อใน iPhone ครั้งนี้ด้วย หนึ่งในนั้นคือการออกการรับรองมาตรฐาน Made for iPhone (Mfi) เพื่อการันตีว่าการส่งผ่านข้อมูลสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมที่ได้รับการรับรอง Mfi เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสหภาพยุโรป (EU) จะไม่เต็มใจที่จะรับฟังข้อแก้ตัวใด ๆ ของ Apple โดยมีรายงานว่านายเธียรี เบรตัน ได้ส่งจดหมายถึง Apple เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาตระหนักถึงผลของการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ซึ่งในเนื้อหานั้นเขาได้เน้นย้ำว่า “อุปกรณ์ที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดสำหรับยโนบายที่ผลักดันให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีขั้วต่อชาร์จไฟแบบเดียวกันหมดจะไม่ได้รับการอนุมัติให้ขายในตลาดสหภาพยุโรป”
สหภาพยุโรปผ่านกฎหมายเมื่อปลายปี 2022 ซึ่งได้มีการกำหนดว่าตั้งแต่ปี 2024 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดต้องใช้ขั้วต่อ USB-C สำหรับการชาร์จไฟโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
หลังจากนั้นดูเหมือนว่า Apple จะปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้กับ iPhone 15 อย่างไรก็ตามกฎหมายของสหภาพยุโรปได้กำหนดเส้นตายไว้ 2 ช่วงเวลาซึ่งอาจทำให้ Apple ยังสามารถเลือกใช้งานขั้วต่อ Lightning ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะถึงวันที่ 28 ธันวาคม ปีนี้
การเปิดตัว USB-C ใน iPhone นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายของสหภาพยุโรปในการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค อย่างไรก็ดีความมุ่งมั่นของสหภาพยุโรปในการป้องกันข้อจำกัดหรือการบล็อกสำหรับผู้บริโภคนั้นยังไม่ชัดเจนว่า Apple จะตอบสนองต่อคำเตือนอย่างไร และจะปฏิบัติตามข้อบังคับภายในกำหนดหรือไม่
การเปลี่ยนไปใช้ USB-C จะนำประโยชน์มากมายมาสู่ผู้ใช้ iPhone โดยขั้วต่อ USB-C เป็นตัวเชื่อมต่ออเนกประสงค์ที่มีการใช้งานอยู่แล้วในอุปกรณ์อื่น ๆ จำนวนมาก รวมถึงสมาร์ทโฟน Android และแล็ปท็อป ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถชาร์จ iPhone ได้โดยใช้สายเดียวกับที่ใช้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งช่วยลดความยุ่งเหยิงและทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
USB-C ยังรองรับความเร็วในการชาร์จและอัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วกว่า Lightning มันจะเป็นการปรับปรุงที่สำคัญสำหรับผู้ใช้ iPhone
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่า Apple กังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่การเปลี่ยนไปใช้ USB-C อาจมีผลการการหารายได้จากการรับรอง Mfi หากไม่มีการขู่จากสหภาพยุโรป Apple จะสามารถควบคุมตลาดอุปกรณ์เสริมอีกครั้งและหาผลกำไรจากในส่วนนั้นได้ อย่างไรก็ตามผลกระทบสำหรับผู้บริโภคคือจะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมที่ได้รับการรับรองจาก Apple เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก USB-C
จากมุมมองของผู้บริโภค การเปลี่ยนไปใช้ USB-C นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดี สาย Lightning เป็นกรรมสิทธิ์ของ Apple และใช้ได้กับอุปกรณ์ Apple เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าหากคุณทำสายเคเบิลหายหรือลืมนำติดตัวไปด้วยก็ทำให้การใช้งานมีปัญหาแต่สำหรับ USB-C คุณสามารถใช้สายใดก็ได้เพื่อชาร์จ iPhone ของคุณ โดยไม่คำนึงถึงยี่ห้อหรือว่าเป็นสายของอุปกรณ์ใด ดังนั้นนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับผู้บริโภค
การเปลี่ยนไปใช้ USB-C ยังมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมด้วยตามเป้าหมายของสหภาพยุโรปในการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ การเปิดตัวตัวเชื่อมต่อที่มีความเป็นสากล จะช่วยลดจำนวนเครื่องชาร์จและสายเคเบิลที่ต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ยังช่วยลดความจำเป็นในการผลิตเครื่องชาร์จและสายเคเบิลใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
ที่มา: gizchina
