รีวิว Sony : WF-1000XM4 “ที่สุดของหูฟังไร้สาย true wireless ที่เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบ”
หลังจากเปิดตัวหูฟัง true wireless รุ่น WF-1000XM3 (WF-1000X Mark 3) ในช่วงปลายปีค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) โซนี่ใช้เวลาร่วม 2 ปีเลยทีเดียวในการพัฒนารุ่นใหม่อย่าง WF-1000XM4 (WF-1000X Mark 4) ออกมา
ทำไมการพัฒนาหูฟังตัวเล็ก ๆ รุ่นหนึ่งต้องใช้เวลามากขนาดนั้น ?
การมาของ Sony WF-1000XM4 กับดีไซน์ใหม่ ๆ ชนิดที่เรียกได้ว่า ‘all new’ ตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน คือ คำตอบของคำถามดังกล่าว
“Smaller size, no compromise.”
เช่นเดียวกับ WF-1000XM3 หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ของ Sony อย่าง WF-1000XM4 ยังคงเป็นหูฟังไร้สายประเภท true wireless ระดับพรีเมียม เป็นรุ่น top of the line ของโซนี่ที่พยายามตอบโจทย์ทั้งในแง่ของคุณภาพเสียงและการใช้งาน โดยเฉพาะระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟหรือ ANC (Active Noise Cancelling) ซึ่งโซนี่ทำได้โดดเด่นมาตั้งแต่รุ่นก่อนหน้า
เมื่อเทียบกับ WF-1000XM3 การออกแบบ WF-1000XM4 มีขนาดที่กะทัดรัดขึ้นมาก ทั้งตัวเคสชาร์จและตัวหูฟังเอง อย่างตัวเคสชาร์จนี่เล็กลงไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว (ข้อมูลจากโซนี่บอกว่าเล็กลง 40%) ขณะที่ตัวหูฟังมีขนาดเล็กลง 10%
ด้วยขนาดที่เล็กลงแต่ทั้ง 2 ส่วนกลับมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่าเดิม คือ ตัวหูฟังใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมงเมื่อเปิดใช้ ANC (6 ชั่วโมงในรุ่น WF-1000XM3) และเพิ่มเป็น 12 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC (8 ชั่วโมงในรุ่น WF-1000XM3) เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จของ WF-1000XM4 ซึ่งสามารถชาร์จหูฟังเพิ่มได้สูงสุดอีก 2 รอบ เวลาใช้งานรวมจึงเป็น 8+16 และ 12+24 ชั่วโมงตามลำดับ
เคสชาร์จรุ่นใหม่นี้ยังรองรับการชาร์จไร้สายด้วย ขณะที่รุ่นก่อนหน้าไม่รองรับการชาร์จไร้สาย เมื่อเสียบชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB-C ก็รองรับการชาร์จเร็ว ซึ่งตามข้อมูลบอกว่าใช้เวลาชาร์จแค่ 5 นาทีก็สามารถใช้งานได้ถึง 60 นาที
สำหรับตัวหูฟังเองมาพร้อมมาตรฐานการกันน้ำระดับ IPX4 สามารถป้องกันน้ำกระเซ็นได้จากทุกทิศทาง ขณะที่ WF-1000XM3 ไม่ได้มีการพูดถึงในส่วนนี้
การออกแบบส่วนที่เกี่ยวกับคุณภาพเสียงใน WF-1000XM4 เรียกว่าได้ยกเครื่องใหม่ตั้งแต่การเปลี่ยนจากชิปประมวลผลรุ่นเดิม (QN1e) มาใช้ชิปประมวลรุ่นใหม่ล่าสุดที่โซนี่ได้พัฒนาขึ้นเองนั่นคือชิป V1 (Integrated Processor V1)
โซนี่คุยว่าชิปตัวใหม่นี้ได้มีการปรับปรุงทั้งในส่วนของการตัดเสียงรบกวน และการเชื่อมต่อ Bluetooth ให้มีคุณภาพและความเสถียรมากยิ่งขึ้นแม้ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวน และเป็นครั้งแรกที่ชิปตัวนี้ถูกนำมาใช้งาน
หูฟัง WF-1000XM4 เชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.2 เพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อด้วยการรองรับเทคโนโลยี Fast Pair ของ Google ซึ่งช่วยให้การจับคู่กับอุปกรณ์แอนดรอยด์ง่ายและสะดวกมากขึ้น
รวมทั้งเทคโนโลยี Swift Pair ให้เชื่อมต่อบลูทูธกับคอมพิวเตอร์ Windows 10 (อาจรวมทั้ง Windows 11 ด้วย) ได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถติดตามตำแหน่งของหูฟังได้ด้วยแอปฯ Find My Device ของ Google
การเชื่อมต่อไร้สายใน WF-1000XM4 รองรับ Audio CODEC ทั้ง SBC, AAC และ LDAC ทำให้นี่เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่หูฟัง true wireless รองรับ Bluetooth LDAC ซึ่งทางเทคนิคแล้ว LDAC ถือได้ว่าเป็น Audio CODEC ที่มีคุณภาพเสียงดีกว่า Audio CODEC ในระบบเสียงบลูทูธทั่ว ๆ ไป
ทำให้ WF-1000XM4 เป็นหูฟังไร้สายประเภท true wireless รุ่นแรกของโซนี่และของโลกที่รองรับ LDAC CODEC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเข้ารหัสเสียงคุณภาพสูงที่พัฒนาขึ้นโดยโซนี่เอง มีบิตเรตสูงสุดถึง 990kbps และรองรับการสตรีม hi-res audio แบบไร้สาย
WF-1000XM4 ยังคงรองรับระบบเสียง 360 Reality Audio และเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะอย่าง Adaptive Sound Control ซึ่งเดิมโซนี่ทำได้ดีอยู่แล้วและตอนนี้ก็ยิ่งพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก
นอกจากนั้นแล้วในส่วนที่เกี่ยวกับคุณภาพเสียงโดยตรงอย่าง ‘ไดรเวอร์’ หรือ ‘ตัวขับเสียง’ ใน WF-1000XM4 โซนี่ยังได้ออกแบบตัวขับเสียงไดนามิกตัวใหม่ขนาด 6mm ที่ใช้แม่เหล็กแรงขึ้น 20% และตอบสนองความถี่สูงได้ถึง 40kHz ส่งผลให้การถ่ายทอดเสียงมีรายละเอียดมากขึ้นและมีความผิดเพี้ยนลดลง
ตัวหูฟังยังมาพร้อมไมโครโฟนที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับเสียงสัญญาณรบกวนคุณภาพสูงถึง 2 ตัว โดยตัวหนึ่งจะทำหน้าที่สร้างสัญญาณ feed forward ขณะที่อีกหนึ่งตัวจะทำหน้าที่สร้างสัญญาณฟีดแบ็ค เพื่อให้เสียงรบกวนรอบข้างจะถูกได้ยินและวิเคราะห์ ทำให้เกิดการตัดเสียงรบกวนที่แม่นยำสูงสุด
นอกจากโหมดตัดเสียงรบกวนที่พัฒนาขึ้นแล้ว ยังมีโหมดเปิดฟังเสียงแวดล้อมที่โซนี่คุยว่าก็พัฒนาขึ้นด้วยโดยให้เสียงที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และยังคงมีโหมด Quick Attention ให้แตะหูฟังแล้วพูดคุยกับคนรอบข้างได้เหมือนในรุ่นเดิม ระบบไมโครโฟนในหูฟังรุ่นนี้ยังได้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Beamforming และเซ็นเซอร์ Bone-conduction เพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงเวลาใช้คุยสนทนา
WF-1000XM4 ยังได้คุณสมบัติที่มีในหูฟังไร้สายแบบครอบหูรุ่น WH-1000XM4 มารวมอยู่ในตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีอัปสเกล DSEE Extreme ซึ่งใช้อัลกอรึธึมในการประมวลผลแบบ AI Upscaling เพื่อช่วยปรับปรุงไฟล์เสียงคุณภาพต่ำให้ฟังดีเทียบเท่ากับไฟล์เสียงคุณภาพสูง
อีกหนึ่งคุณสมบัติคือ Speak-to-Chat ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในเวลาใช้งานหูฟังและต้องการสนทนากับผู้คนรอบข้าง ระบบนี้จะตรวจจับเสียงของพูดของผู้ใช้งานแล้วทำการลดเสียงเพลงในหูฟังโดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกันก็ได้เปิดเสียงจากด้านนอกให้เล็ดลอดเข้ามาในหูฟัง ทำให้การสนทนาสามารถทำได้อย่างราบรื่นเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกก่อน
ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าขนาดที่เล็กลง แต่คุณสมบัติและความสามารถของ Sony WF-1000XM4 กลับเพิ่มมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมเสียอีก สำหรับสีสันยังคงมีให้เลือก 2 สีเหมือนเดิมคือ สีดำและสีเงิน (ที่ดูเป็นสีขาวครีมนวล ๆ) ตั้งราคาเปิดตัวเอาไว้ที่ 8,990 บาท
แกะกล่องลองใช้งาน
อีกส่วนหนึ่งที่โซนี่ภูมิใจนำเสนอมาพร้อมกับหูฟังรุ่นนี้คือ ตัวบรรจุภัณฑ์ที่ทำด้วยกระดาษ เป็นกระดาษที่ผลิตขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับโซนี่โดยเฉพาะ และมีความเป็นพิษต่ำเพราะไม่มีส่วนประกอบของพลาสติกเลย จึงช่วยลดปริมาณขยะได้ถึง 99% เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
อุปกรณ์มาตรฐานที่มากับตัวหูฟังและเคสชาร์จ ก็มินิมอลตามบรรจุภัณฑ์คือมีแค่สายชาร์จ USB-C (USB-A to USB-C), ear tips แบบเมมมอรี่โฟม 3 ขนาดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของผู้ใช้แต่ละคน รวมถึงเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง
ก่อนอื่นต้องบอกว่า Sony WF-1000XM4 นอกจากมีขนาดที่กะทัดรัดพกพาสะดวกมากขึ้นแล้ว การ finishing ยังเป็นพื้นผิวด้านหยิบจับได้ถนัดมือและให้สัมผัสที่ออกไปทางเรียบหรู
ตัวหูฟังเองแม้จะเล็กลงแต่ก็ยังไม่ถึงกับกะทัดรัดมากนัก เวลาสวมใส่ใช้งานยังมีส่วนที่ยื่นออกมาจากหูพอสมควร เซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ซึ่งหยุดการเล่นอัตโนมัติเมื่อไม่ได้สวมใส่ยังคงทำงานได้แม่นยำกับหลาย ๆ แอปพลิเคชัน
การควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัสใช้งานง่ายกว่าเดิม มีพื้นที่สัมผัสและมีความแม่นยำในการสั่งงานมากขึ้นและยังคง customize ได้ การเชื่อมต่อและการตั้งค่าต่าง ๆ ผ่านแอปฯ Headphone Connect ของ Sony ยังคงฉับไว สะดวก และแสดงรายละเอียด ๆ อย่างที่ควรจะเป็นได้ดีเหมือนเช่นเคย
สำหรับคนที่ใช้งานหูฟังไร้สายของโซนี่มาก่อน การตั้งค่าต่าง ๆ ในแอปฯ Headphone Connect ยังคงมีอยู่ เช่น การเลือกคุณภาพการเชื่อมต่อไร้สายสำหรับสัญญาณเสียง, การปรับแต่งเสียงด้วย EQ, การอัปเดตเฟิร์มแวร์ ตลอดจนการเปิดใช้งาน DSEE Extreme
แต่มีเมนูใหม่อย่างหนึ่งที่มีเพิ่มเข้ามาในแอปฯ เพื่อใช้งานกับ Sony WF-1000XM4 โดยเฉพาะ นั่นคือ ฟังก์ชัน ‘Test wearing condition’ หรือการทดสอบความพอดีในการเลือกใช้จุกเมมมอรี่โฟมขนาดต่าง ๆ โดยหลังจากเปิดแอปฯ Headphone Connect และเชื่อมต่อหูฟังเรียบร้อย ให้เข้าไปที่ System > Determines Optimal Earbud Tips แล้วกดปุ่มเริ่มทดสอบ
ภายในเวลาไม่กี่วินาที ระบบก็จะแจ้งผลการทดสอบว่าเราได้เลือกจุกและสวมใส่หูฟังได้เข้าที่เข้าทางดีแล้วหรือยัง หากว่ายังก็มีคำแนะนำว่าควรแก้ไขหรือปฏิบัติอย่างไร ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะการสวมใส่ที่พอดีกับหู นอกจากจะทำให้ใส่สบายได้นานแล้วยังมีผลกับคุณภาพเสียงและประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนโดยตรง
หลังจากลองใช้งานไปสักพักเพื่อทำความรู้จักคุณสมบัติต่าง ๆ ผมรู้สึกว่าหูฟังรุ่นนี้ทีมออกแบบของโซนี่ทำการบ้านมาดีมาก ชัดเจนว่า 2 ปีที่ผ่านมา โซนี่ได้เอา feedback จากรุ่นก่อนไปปรับปรุงมาจริง ๆ ซึ่งส่วนตัวผมเองเป็นคนที่ใช้หูฟังเยอะมาก เรื่องจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราเคยตำหนิติติงไว้ เขาไปสกัดจุดอ่อนออกหมดเลย
ไม่ว่าจะเป็น ขนาดที่เทอะทะไปหน่อย, ตัวเคสชาร์จที่ไม่รองรับชาร์จไร้สาย, ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสที่ยังใช้งานจริงได้ไม่ถนัดถนี่นัก, เสียงลมเข้าตอนเปิดใช้ ANC, คุณภาพของไมโครโฟนเวลาใช้สนทนา, ฟีเจอร์ speak to chat ที่เคยแค่กระแอมก็ทำงาน (ใน WH-1000XM4) ทั้งหมดนี้ชัดเจนว่าได้รับการเพิ่มเติมเข้ามา หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ใช้งานได้ถูกใจผมมากขึ้น (มาก ๆ) #โค้งคำนับเลยครับ
โดยเฉพาะเมื่อเปิด ANC แล้วฟังในบริเวณที่มีลมพัดหรือมีพัดลม มันไม่มีเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาแล้วครับ อันนี้ถือว่า WF-1000XM4 ปรับปรุงมาได้ถูกใจผมมาก ๆ ใครเคยใช้รุ่นเก่าของโซนี่หรือแม้แต่ยี่ห้ออื่นอยู่แล้วเจอปัญหานี้คงทราบดีว่าถ้าแก้ไขได้มันจะดีขนาดไหน
คุณภาพของไมโครโฟนรับเสียงในระหว่างการใช้พูดคุยสนทนาก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ปรับปรุงจากรุ่นก่อน ๆ มาก ไม่ใช่แค่ดีกว่าเดิม แต่ดีจนแซงหน้าคู่แข่งไปแล้วครับ ลองพิจารณาจากคลิปด้านล่างนี้ได้ครับ
อีกจุดหนึ่งที่พัฒนาขึ้นไปอีกอย่างชัดเจนแม้ว่าแต่เดิมใน WF-1000XM3 ก็ไม่ได้แย่ นั่นคือ แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น และนานอย่างที่สเปคฯ เขาบอกเอาไว้จริง ๆ เช่น เวลาใช้รับชมซีรีส์ตอนยาวขนาด 40-55 นาที สามารถยิงยาวรวดเดียว 7-10 EP. ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องรอชาร์จไฟรอบใหม่ เท่าที่ได้ลองใช้งานมาเป็นเวลานานจนคุ้นเคยบอกได้เลยว่าถ้าให้นึกถึงหูฟัง true wireless ที่เสียงดีและแบตเตอรี่อึดด้วย ชื่อหูฟัง Sony WF-1000XM4 คือ ‘ที่หนึ่งในใจ’ ของผมเวลานี้ครับ
คุณภาพเสียง
เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานที่หลากหลายและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนทั่วไป ผมได้ทดสอบคุณภาพเสียงเบื้องต้นด้วยคลิปใน YouTube จำนวนหนึ่งที่ได้คัดสรรค์เอาไว้แล้ว (https://www.youtube.com/playlist?list=PLtaK2a8bJpBYJQrSyvWjIEiq9UKTJAZU2)
เมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายอื่น ๆ ในระดับราคาใกล้เคียงกัน เช่น Apple AirPods Pro, Sennheiser Momentum True Wireless 2, Samsung Galaxy Buds Pro ผมว่า WF-1000XM4 จัดว่าเป็นหูฟังที่มีแบนด์วิดธ์กว้าง น้ำเสียงเปิดกระจ่างสดใส มีความกว้างของมิติเวทีเสียง มีบาลานซ์ของเสียงในภาพรวมที่เข้ากันได้ดีกับทุกแนวเพลง สมดุลเสียงตลอดย่านความถี่ถือว่าดีเยี่ยม
เสียงทุ้มมีลักษณะเสียงถูกยกขึ้นมา (boost) นิดหน่อยไม่ใช่เสียงที่ flat แต่ก็ไม่ได้ถูกยกขึ้นมาจนรบกวนย่านเสียงอื่น ๆ ยังคงถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงออกมาได้ดี มีความกระจ่างชัดเจน น้ำเสียงสะอาดมีความละเมียดละไม มีความประนีประนอมในระดับหนึ่ง และไร้ซึ่งลักษณะเสียงที่คมแข็งหรือก้าวร้าวจนฟังไม่สบายหู
ส่งผลให้ WF-1000XM4 เป็นหูฟังไร้สายอีกรุ่นหนึ่งที่สามารถใช้ฟังเพลงได้เกือบทุกแนวเพลง โดยไม่เกี่ยงคุณภาพของไฟล์เสียงมากนัก แม้ว่าจะเป็นการสตรีมจากแหล่งสัญญาณเสียงที่มีการบีบอัดข้อมูลอย่าง YouTube และไม่เกี่ยงว่าจะเปิดฟังกับ iPhone 12 Pro Max ที่เชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth AAC หรือ Samsung Galaxy Note10+ ที่เชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth LDAC
เมื่อเทียบกับ WF-1000XM3 หูฟังรุ่นใหม่อย่าง WF-1000XM4 ให้เสียงที่มีรายละเอียดและเนื้อเสียงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เสียงทุ้มหนักแน่นและคมชัดมากขึ้น มิติเสียงกว้างขึ้น เสียงกลางและเสียงแหลมมีความอิ่มหวาน ความเนียนละเมียดละไมมากขึ้น สรุปสั้น ๆ ได้ชัดเจนครับว่า “เสียงดีกว่ากันเยอะ” ฟังเทียบแล้วทำให้คล้อยตามข้อมูลที่ทางผู้ผลิตเขาบอกว่าไดรเวอร์ตัวใหม่ได้ถูกพัฒนาให้คุณภาพดีขึ้นกว่าเดิมมาก
การคาบการฟังเพลงแบบ ‘ฟังเอาสาระ’ ฟังเอาเรื่องโดยยึดถือเรื่องของคุณภาพเสียงเป็นสำคัญ ผมเลือกเปิดโหมด ANC ตั้งค่าในแอปฯ Headphone Connect ให้หูฟังเชื่อมต่อในโหมดเน้นคุณภาพเสียง ไม่ได้ใช้ฟังก์ชัน EQ และ DSEE Extreme
เชื่อมต่อใช้งานกับ Samsung Galaxy Note10+ เชื่อมต่อ Bluetooth LDAC และฟังเพลงด้วยแอปฯ USB Audio Player Pro (บางช่วงสลับไปใช้เครื่องเล่น Sony Walkman NW-A100TPS เชื่อมต่อ Bluetooth LDAC เช่นกัน)
ในสภาวะที่สิ่งแวดล้อมเอื้อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีเช่นนี้ ต้องบอกเลยครับว่ายิ่งฟังก็ยิ่งทำให้ผมรักเสียงของหูฟังไร้สาย true wireless รุ่นนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก
สำหรับนักฟังบริสุทธิ์นิยมเสียงของ WF-1000XM4 มีคัลเลอร์ครับ แต่เป็นคัลเลอร์ในแง่บวกและไม่ได้รบกวนการถ่ายทอด แจกแจง ขุดคุ้ยรายละเอียดของเสียงเพลง เสียงดนตรี ไม่ได้รบกวนความเป็นธรรมชาติของเสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงทุ้ม เสียงกลาง หรือเสียงแหลม ไม่ได้คัลเลอร์เสียจนรบกวนการแยกแยะรายละเอียดความแตกต่างในคุณภาพเสียง
ช่วงหนึ่งของการใช้งาน ผมรู้สึกทึ่งที่หูฟังไร้สาย true wireless นั้นได้ถูกพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว ขั้นที่ทำให้ผมรู้สึกว่าการฟังเพลงในอัลบั้ม We meet again Teresa Teng ของศิลปินสาวจีนเสียงหวาน Chen Jia (เฉินเจีย) (CD rip, uncompressed flac) ได้น้ำเสียงที่หวานสดใสไพเราะเสนาะหู โดยไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเสียงหลอดในระบบ ไม่จำเป็นต้องฟังจากแผ่น LP แค่มีสมาร์ทโฟนหรือเครื่องเล่นเพลงเครื่องเดียวกับหูฟังไร้สายอย่าง WF-1000XM4 ที่พกพาไปฟังที่ไหนก็ได้ คือ ทั้งสะดวกด้วย เสียงดีก็ยังได้ ในงบประมาณที่แสนย่อมเยาเมื่อเทียบกับคุณภาพเสียง
กับเพลงที่คุ้นเคยอย่าง ‘Blue Rondo a la Turk’ จากอัลบั้ม Time Out ของ The Dave Brubeck Quartet (ไฟล์ wav 24bit/176.4kHz จาก HDtracks) สิ่งที่ถ่ายทอดจาก Sony WF-1000XM4 ไม่ได้มีแค่เสียงและรายละเอียดของเสียงเปียโน เสียงเคาะใบฉาบที่กระจ่างชัดสดใส หรือเสียงเบสและแซกโซโฟนอุ่น ๆ นุ่ม ๆ เท่านั้น แต่ยังหูฟังไร้สายรุ่นนี้ยังได้ถ่ายทอดบรรยากาศและอารมณ์ของดนตรีส่งตรงแบบเดลิเวรีมายังโสตประสาทของผมด้วย
นอกจากเพลงที่กล่าวถึงไปแล้ว ผมยังได้ลองฟังเพลงอีกจำนวนหนึ่งกับ Sony WF-1000XM4 แล้วพบว่ามันให้เสียงออกมาดีมาก ๆ คือ โดดเด่นเกินหน้าเกินตาหูฟัง true wireless รุ่นอื่น ๆ และผมได้รวบรวมเป็น playlist แนบมาไว้ในรีวิวนี้แล้ว ท่านที่สนใจเลือกฟังเปรียบเทียบหรือฟังเพื่อการศึกษาได้ครับ มีทั้งการสตรีมจาก TIDAL และการสตรีมจาก Apple Music ครับ
Sony WF-1000XM4 เหมาะกับใคร ?
จากรีวิวข้างต้นทั้งหมดนี้ชัดเจนแล้วว่าเวลากว่า 2 ปีในการพัฒนา Sony WF-1000XM4 นั้นมิได้สูญเปล่า เพราะมันดีขึ้นกว่า WF-1000XM3 ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ ฟีเจอร์ ฟังก์ชันหรือคุณภาพเสียง !
ตอนที่ WF-1000XM4 ออกวางตลาดแรก ๆ ผมเห็นมีบางท่านบอกว่าจะรอสอยรุ่นเก่าอย่าง WF-1000XM3 ซึ่งคงจะลดราคาลงมาอยู่ในจุดต่ำสุดแล้ว แต่ส่วนตัวผมคิดว่าเสียเวลาครับ กัดฟันอีกหน่อยมาเล่น WF-1000XM4 เลยดีกว่าครับ รุ่นนี้รองรับ LDAC แล้วด้วย ต่อยอดใช้งานไปได้อีกยาว ๆ เลยครับ
ลองนึกดูว่าแค่รุ่นเดิมโซนี่ยังใช้เวลาตั้ง 2 ปีในการค้นรุ่นที่ดีกว่า แล้วอย่าง WF-1000XM4 หูฟังไร้สาย true wireless ที่เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบ จะต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะมีรุ่นใหม่ที่ดีกว่าออกมา ?
ผมมั่นใจที่ใช้คำว่า ‘เกือบสมบูรณ์แบบ’ กับหูฟังไร้สายรุ่นนี้ เพราะผมคิดแบบนั้นจริง ๆ ครับ จุดอ่อนเดียวที่ผมนึกออกในเวลานี้คือ ขนาดของตัวหูฟังที่ยังค่อนข้างใหญ่ไปนิด และตัวจุกโฟมที่ใช้งานได้ไม่นานผิวที่เคลือบไว้ด้านนอกก็ถลอกซะแล้ว (โอเค มันไม่มีผลกับการใช้งานแต่มีผลกับสายตาครับ)
ที่เหลือไม่ว่าจะเป็นขนาดเคสชาร์จที่กะทัดรัดพกพาง่ายและรองรับชาร์จไร้สาย ตัวหูฟังที่เสียงดีมาก ๆ จนก้าวข้ามคำว่า “หูฟังไร้สายก็ได้แค่นี้” ไปแล้ว การเชื่อมต่อไร้สายที่เสถียร ระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีเยี่ยม แบตเตอรี่ที่ทนนาน ไมโครโฟนที่คุยชัดเจน รวมถึงฟังก์ชันจุกจิกที่หลายอย่างไม่มีในหูฟังรุ่นอื่น ๆ
นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ Sony WF-1000XM4 คือ ชื่อแรก ๆ ที่ผมมักจะแนะนำให้คนที่กำลังมองหาหูฟังไร้สาย true wireless ตัวแรกมาใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือคนที่อยากอัปเกรดจากหูฟังไร้สาย true wireless ระดับเริ่มต้นมาเป็นหูฟังไร้สาย true wireless คุณภาพสูงที่คุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ ไม่ว่าจะพิจารณาในแง่มุมใดครับ !
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด (ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์:)
โทร 0-2715-6100
โทรฟรี: 1800 231991 (เฉพาะเบอร์บ้านในต่างจังหวัด)
ราคา 8,990 บาท