fbpx
REVIEW

รีวิว Meridian : Explorer 2

เมื่อคราวที่เมอริเดียนออดิโอส่ง USB DAC รุ่น entry level อย่างเมอริเดียน เอกซ์โพลเรอร์ ‘Meridian Explorer’ ออกวางตลาด ผมว่าสินค้าตัวนี้ขายความเป็นเมอริเดียนออดิโอชัดเจนมากทั้งเรื่องของรูปลักษณ์และคุณภาพเสียง

หลังจากนั้น ในขณะที่ USB DAC อื่นๆ ที่ออกตามกันมาพยายามเอาเรื่องของความสามารถในการรองรับสัญญาณ Hi-Res Audio ได้มากกว่า หลากหลายกว่า (PCM, DXD, DSD) มาเป็นจุดขาย แต่ทางเมอริเดียนกลับแสดงออกชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้พยายามจะลงไปวิ่งแข่งในสนามเดียวกันนั้น

ทว่าพวกเขาพอใจที่จะเอาดีกับการพัฒนาให้ ‘Explorer’ เป็นไปในทิศทางที่พวกเขามองเห็นว่านี่แหละคืออนาคตของการเข้าถึงและเสพเสียงดนตรีอย่างแท้จริง

Based on the Multi-Award-Winning Explorer
ด้วยเหตุผลข้างต้นทำให้เมื่อเมอริเดียนสร้าง USB DAC รุ่นเอกซ์โพลเรอร์ทู ‘Explorer 2’ ตามออกมา มันจึงมีรูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติพื้นฐานที่เหมือนกับ Explorer แทบจะทุกประการ อีกทั้งยังคงออกแบบและผลิตในอังกฤษเหมือนเช่นเคย ตัวเครื่องขึ้นรูปจากแม่พิมพ์พลาสติกห่อหุ้มด้วยเปลือกอะลูมิเนียมและมีขารองเครื่องทำจากยาง มีขนาด 102 x 32 x 18mm โดยประมาณ มีน้ำหนักเบามากคือประมาณ 50 กรัม

ด้านอินพุตมีเพียงอินพุตเดียวคือ USB mini type B ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อผ่าน Asynchrous USB High-Speed 2.0 ด้านเอาต์พุตมีสองชุดคือ 3.5mm analogue line out (fixed 2v RMS) และ 3.5mm headphone jack (variable-level output, impedance 0.47ohm) ไฟเลี้ยงวงจรใช้ไฟเลี้ยง 5V (<500mA) จากพอร์ตยูเอสบีโดยตรง

วงจรประมวลผลข้างในเป็นหน้าที่ของชิพ “Dual Tile XMOS DSP with 16 cores, 1000 MIPS” มีส่วนของวงจร Upsampling และ Apodising Filter ที่หยิบเอามาจากวงจรในเครื่องรุ่น 800 SERIES มาปรับใช้ รองรับการเล่นไฟล์ดิจิตอลแบบ native ได้สูงสุดถึงระดับ 24bit/192kHz

อินพุตยูเอสบีเป็นอินพุตเดียวใน Explorer 2 เป็นขั้วต่อ mini-USB
เอาต์พุตของ Explorer 2 มีสองชุด ชุดหนึ่งสำหรับหูฟัง อีกชุดสำหรับไลน์เอาต์

นอกจากไฟ LED สีขาว 3 ดวงแสดงตัวคูณความถี่ sampling rate พื้นฐาน (44.1 หรือ 48kHz) เป็น 1 เท่า, ตัวคูณ 2 เท่าและตัวคูณ 4 เท่าแล้ว ที่ตัวเครื่องก็ไม่มีปุ่มควบคุมใดๆ อีกเลย การปรับความดังของอะนาล็อกวอลุ่มคอนโทรลในตัวเครื่องนั้นก็อาศัยการตั้งค่าผ่านตัวโปรแกรมเล่นได้โดยตรง

การอัพเดตเฟิร์มแวร์สามารถทำได้ผ่านอินพุต USB ของตัวเครื่องเอง การใช้งานกับคอมพิวเตอร์สามารถใช้ได้กับทั้งระบบปฏิบัติการ (OS) Macintosh OS X, Linux และ Windows ซึ่งตัวหลังนี้ก่อนใช้จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์ก่อน แต่ไม่จำเป็นสำหรับ OS สองตัวแรก

เรียกว่าใช้ form factor เดียวกันกับ Explorer รุ่นเดิมแทบจะทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปทรง ขนาด ชิ้นส่วนหลักและลักษณะการใช้งาน ที่แตกต่างกันก็น่าจะเป็นในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้ทางเมอริเดียนออดิโอตั้งชื่อมันว่าเป็น Explorer 2 หรือ Explorer รุ่นที่สองได้โดยไม่ขัดเขิน

High-Res Audio กับความหมายที่แท้จริง
เมื่อพูดถึงคุณภาพเสียง น้ำเสียงที่ได้จาก Explorer 2 เป็นเสียงที่รับรู้ได้ถึง resolution ของเสียงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความกระจ่างชัด ความสะอาด ความโปร่งใส มันหมดยุคแล้วครับดิจิตอลที่ทำให้เสียงดีด้วยการฟิลเตอร์เยอะๆ ให้เสียงฟังนุ่มสบายแต่คลุมเครือไม่มีรายละเอียดเหมือนภาพถ่ายที่ไม่คมชัดเลยแก้ด้วยการทำให้ภาพฟุ้ง เบลอ ไปทั้งภาพ

โดยเฉพาะกับการบันทึกเสียงด้วยดิจิตอลถ้ายิ่งไปกลบเกลื่อนมันจะยิ่งฟังแย่มากขึ้น แต่ถ้าวงจรถอดรหัสดิจิตอลสามารถตีความสัญญาณออกมาได้โดยมีความผิดเพี้ยนจากตัวมันเองปนเปื้อนมาด้วยน้อยสุด ผลลัพธ์ที่ได้มันจะออกมาดีมากถึงมากที่สุด ทำให้สามารถรับรู้ได้ถึงจุดเด่นของระบบเสียงดิจิตอลอย่างแท้จริง

ออกแบบและผลิตในประเทศอังกฤษโดยเมอริเดียนเอง

ความรู้สึกเหล่านั้นเกิดขึ้นเมื่อผมลองฟังเพลงโดยการสตรีมแบบ lossless 16/44.1 มาจาก TIDAL ด้วยโปรแกรม Roon ในคอมพิวเตอร์ Mac mini และต่อเสียงผ่าน Explorer 2 ออกมา มันทำให้ผมรู้สึกว่าซาวนด์แทร็คภาพยนตร์เรื่อง ‘Deadpool’ นั้นเสียงดีมาก รายละเอียดต่างๆ มีความกระจ่างชัดสดใส เปิดเผย เป็นเสียงที่สะอาดอย่างเป็นธรรมชาติ

เสียงทั้งหมดที่ว่าไปนั้นทำให้ผมรู้สึกฉงนมากเมื่อกลับไปฟังผ่านแอพฯ TIDAL โดยตรงใน iPad Air 2 คุณภาพเสียงที่ออกมามันไม่ได้ครึ่งของที่ฟังจาก Explorer 2 เลยครับ

แม้ว่าจะได้ฟังเทียบจากหูฟังตัวเล็กๆ อย่าง Focal Sphear และ Sennheiser Momentum In-Ear ด้วย เสียงที่ได้จาก Explorer 2 ก็ยังเหนือกว่ากันอย่างชัดเจน ที่ต้องชมเชยเป็นพิเศษสำหรับ Roon + Explorer 2 ก็คือ เสียงบางช่วงที่มีองค์ประกอบของดนตรีหรือเอฟเฟ็กต์เสียงต่างๆ เยอะและซับซ้อนมากๆ มีทั้งเสียงที่แผ่วเบาและเสียงดังกึกก้องกัมปนาท ผมก็ยังได้ยินแต่ละรายละเอียดครบถ้วนชัดเจน สะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่มั่ว ไม่ตีรวนจนฟังไม่ได้ศัพท์

ไดนามิกเสียงที่ถ่ายทอดผ่านหูฟัง Shure SRH940 หรือ Sennheiser HD 630VB มีความหนักแน่นทรงพลังมากๆ ไดนามิกทรานเชี้ยนต์ก็ดุดันเร้าใจไม่แพ้กัน รายละเอียดเหล่านั้นมีปรากฏให้ได้ยินอยู่เนืองๆ อยู่ในหลายแทร็คของอัลบั้มชุดนี้ แต่ที่สะดุดหูเป็นพิเศษมีอยู่ 2 แทร็คได้แก่ ‘Going Commando’ ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและความกระหึ่มเร้าใจของดนตรี

เสียงที่ถ่ายทอดผ่าน USB DAC ของเมอริเดียนแตกต่างจาก USB DAC ในระดับราคาเดียวกันตรงที่มันสามารถปลดปล่อยเสียงเหล่านั้นออกมาอย่างมีทรง มีระเบียบเป็นที่เป็นทาง ไม่ใช่สักแต่ว่าพรั่งพรูออกมาแต่ฟังดูสับสนหรือฟังแล้วเครียดมากกว่าสนุกเร้าใจอย่างที่ควรจะเป็น

อีกแทร็คที่ฟังสะดุดหูก็คือ ‘The Punch Bowl’ เพลงนี้เสียงที่ผมได้ยินโชว์ไดนามิกของเสียงในย่านความถี่ต่ำลึก (deep bass) ซึ่งในเพลงนี้จะมีเยอะมากและการฟังจากหูฟังขนาดใหญ่จะมีโอกาสได้ยินเสียงเหล่านั้นออกมาครบถ้วน ทว่าสิ่งที่ Explorer 2 ส่งต่อมาไม่ได้มาแค่นั้น มันมาพร้อมกับ definition หรือรายละเอียดในเสียงนั้นๆ ด้วยครับ

เช่นในขณะที่คลื่นความถี่ต่ำนั้นกำลังแผ่เข้าสู่โสตประสาทผมยังรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของเสียงนั้น ตลอดจนน้ำหนักเสียงอ่อน-แก่ในแต่ละช่วงเวลาไปในขณะเดียวกันด้วยครับ ผมเองในขณะที่ฟังงานชุดนี้ผมยังไม่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เสียงที่ได้ฟังมันทำให้จิตนาการไปแล้วว่าฉากเหล่านี้ในภาพยนตร์ต้องสนุกน่าตื่นเต้นแน่นอน ก็ขนาดฟังแค่เสียงมันยังทำให้ผมตรึงอยู่กับที่นั่งได้อย่างนี้ ถ้าได้ชมภาพเคลื่อนไหวด้วยก็คงต้องไม่พูดถึงว่าจะโดนใจกันมากแค่ไหน

ในแง่มุมของน้ำเสียงด้านอื่นๆ โดยภาพรวม Explorer 2 ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติกว่า Explorer รุ่นแรกพอสมควร ความเป็นธรรมชาติในที่นี้สามารถรับรู้ได้ไม่ว่าจะฟังเพลงแนว pop ตลาดทั่วไปอย่างอัลบั้มล่าสุด Purpose ของ Justin Bieber งานที่ทำให้บรรดา hater หลายคนต้องกลับมายกนิ้วให้ในความเจ๋งเป้ง ไม่เพียงแค่ภาคดนตรีและเนื้อหาที่ทำมาได้น่าสนใจ ภาคของการบันทึกเสียงก็พิถีพิถันด้วยเช่นกัน สะอาด เปิดเผย เสียงโปร่งกว้าง ไม่ล้นไม่จัดจ้าน ซึ่ง Explorer 2 ก็ได้ส่งผ่านสิ่งเหล่านั้นออกมาให้ฟัง ทำให้ผมยิ่งรู้สึกดีกับงานชุดนี้มากขึ้นไปอีก

เช่นเดียวกับซาวนด์แทร็คซีรีส์เรื่อง ‘Vinyl’ ใน HBO ที่ผมฟังจาก TIDAL ผ่าน Roon + Explorer 2 ที่เป็นดนตรีที่ฉีกแนวต่างออกไปแต่ฟังแล้วเกิดความประทับใจในน้ำเสียงไม่แพ้กัน จะว่าไปนะครับ High Resolution DAC รุ่นใหม่ๆ หลายตัวมักจะฟังดีเวลาเป็นไฟล์ Hi-Res Audio แต่เวลาเปิดฟังจากไฟล์ 16/44.1 โดยเฉพาะกับเพลงสากลทั่วไปมักจะฟังไม่ดีเท่าที่ควรนะครับ เหมือนกับว่าต้องซื้อมาเพื่อฟังกับเพลงบางประเภทโดยเฉพาะเท่านั้น

แต่ Explorer 2 นั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจกว่านั้น สุ้มเสียงของมันมีความน่าฟังอย่างครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นไฟล์ 16/44.1 หรือไฟล์ที่มี resolution สูงกว่านั้น ไม่ได้หมายความว่ามันเข้าไปมีอิทธิพลกับเสียงของเพลงเหล่านั้นให้เป็นอะไรที่ฟังแล้วเหมือนๆ กันหมด ผมพบว่าอัลบั้มเพลงสมัยใหม่ส่วนมากบันทึกเสียงมาได้ดีพอสมควรถึงดีมากอยู่แล้ว ตัว Explorer 2 มีหน้าที่เพียงแค่ทำให้เสียงเหล่านั้นถูกเปิดเผยออกมาอย่างตรงไปตรงมา

ความเป็น Explorer 2 ที่ตีความได้จากเสียงของ USB DAC ตัวนี้ ทำให้ผมต้องพิจารณาเสียใหม่กับนิยามของคำว่า High-Res Audio ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข bit depth และ sampling rate แต่มันหมายความรวมถึง รายละเอียดของน้ำเสียงจริงๆ เป็นความครบถ้วนของเสียงที่ร้อยเรียงกันออกมาเพื่อให้โสตประสาทรับรู้ได้อย่างประณีตบรรจง

เปิดประสบการณ์กับ MQA
สำหรับ Explorer 2 กับการฟังเพลงในรูปแบบ Hi-Res Audio ในนิยามของ bit depth และ sampling rate ที่เหนือกว่า 16bit/44.1kHz ของฟอร์แมตซีดี USB DAC ตัวนี้รองรับเฉพาะฟอร์แมต PCM ใครที่สนใจจะฟังไฟล์ฟอร์แมต DSD หรือ DXD

ซึ่งว่ากันตามจริงแล้วก็ยังมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบอัตราส่วนกับฟอร์แมต PCM ก็คงต้องทำใจไปดู DAC รุ่นอื่นแทนครับ หรือไม่ก็หาโปรแกรมเล่นเพลงที่สามารถแปลง DSD เป็น PCM ระหว่างการเล่นเพลงได้ดีอย่างโปรแกรม Roon มาใช้งาน ซึ่งก็พอจะให้เสียงออกมาดีพอสมควรและฟังได้ไม่ขัดหูนัก

อย่างไรก็ดีความน่าสนใจในแง่มุมของ Hi-Res Audio ใน Explorer 2 ไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านั้น ถ้าคุณมีโอกาสได้ติดตามข่าวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาอาจเคยได้ยินอีกฟอร์แมตหนึ่งที่ทางเมอริเดียนพยายามจะปลุกปั้นขึ้นมา นั่นคือ MQA หรือ ‘Master Quality Authenticated’

ซึ่ง Explorer 2 นั้นถือได้ว่าเป็น USB DAC รุ่นแรกของโลกที่รองรับฟอร์แมต MQA ที่ว่านี้ครับ (เมื่ออัพเดต firmware เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด v1717 แล้ว) MQA เป็นแนวคิดใหม่ในการนำสัญญาณเสียงต้นฉบับโดยตรงมาทำการ ‘แพ็ค’ หรือ ‘จัดเก็บ’ เสียใหม่ด้วยกระบวนการวิธีที่ทางเมอริเดียนอ้างว่าเป็นฟอร์แมต lossless (ไร้การตกหล่นสูญเสียของข้อมูล)

เหมือนการพับกระดาษหลายทบให้เล็กลง เมื่อคลี่กระดาษออกมาก็จะกลายเป็นกระดาษแผ่นใหญ่เหมือนเดิม ผลลัพธ์สุดท้ายของไฟล์ MQA จึงเป็นไฟล์ Hi-Res Audio เหมือนตามต้นฉบับแต่มีขนาดไฟล์และบิตเรตที่ย่อมเยาพอๆ กับไฟล์เสียงในฟอร์แมตซีดี ง่ายต่อการดาวน์โหลดหรือสตรีมมาฟังสดๆ ผ่านระบบออนไลน์

ลองฟังไฟล์ MQA อีกฟอร์แมตเสียงจากเมอริเดียน
ที่คิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์การฟัง Hi-Res Audio อย่างมีประสิทธิภาพ

ในปัจจุบัน MQA แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่และมีเครื่องเสียงจำนวนมากที่รองรับ MQA แล้ว แต่ตัวไฟล์เพลงที่เป็นฟอร์แมต MQA เพื่อการพาณิชย์โดยตรงก็ยังมีอยู่อย่างจำกัดมากๆ ช่องทางหนึ่งคือการสตรีมจากผู้ให้บริการเพลงออนไลน์อย่าง TIDAL แต่ ณ ช่วงเวลาที่ผมรีวิวอยู่นี้ TIDAL ในประเทศไทยยังไม่มีเพลงฟอร์แมต MQA ให้ลองฟังนะครับ

ช่องทางเดียวในการทดลองฟังไฟล์ MQA ของผมจึงเหลือเพียงตัวอย่างไฟล์ MQA ที่ดาวน์โหลดฟรีมาจากเว็บไซต์ www.2l.no และอีกส่วนหนึ่งที่ซื้อเป็นไฟล์ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์เดียวกันนี้ โดยเฉพาะ LED 3 ดวงที่ตัวเครื่องจะติดสว่างเป็นสีขาวตาม sampling rate ของไฟล์ที่เล่นอยู่โดยเรียงลำดับจากซ้ายไปขวาเป็นตัวคูณ 1 เท่า (44.1 หรือ 48kHz), 2 เท่า (88.2 หรือ 96kHz) และ 4 เท่า (176.4 หรือ 192kHz)

ในขณะที่กำลังถอดรหัสไฟล์ MQA การแสดงผลที่ไฟ LED ดวงซ้ายมือสุดของ Explorer 2 จะติดสว่างเป็น ‘สีฟ้า’ เท่านั้น ส่วนไฟ LED ดวงที่เหลือจะติดสว่างเป็นสีขาวตาม sampling rate ของต้นฉบับไฟล์เสียงนั้นๆ

เช่น ถ้าต้นฉบับของไฟล์ MQA นั้นๆ เป็นไฟล์ 96kHz ไฟ LED จะติดสว่าง 2 ดวง ซ้ายมือสุดจะเป็นสีฟ้า ดวงตรงกลางจะเป็นสีขาว ดวงขวาสุดจะไม่ติด แต่ถ้าต้นฉบับของไฟล์ MQA นั้นมาจากไฟล์ 176.4kHz หรือ 192kHz หรือที่ความถี่สูงกว่านั้น ไฟ LED ดวงขวามือสุดจะติดสว่างเป็นสีขาวขึ้นมาอีกดวง

การเล่นไฟล์เสียง MQA ให้ได้ยินคุณงามความดีของ MQA จริงๆ ต้องการเพียงตัว DAC หรือภาคถอดรหัสสัญญาณดิจิตอลเท่านั้นที่ต้องรองรับการถอดรหัสสัญญาณฟอร์แมต MQA ส่วนตัวโปรแกรมเล่นเพลงขอเพียงสามารถเล่นเพลงในลักษณะ bit-perfect ปล่อยสัญญาณผ่านเอาต์พุตออกมาโดยตรง ไม่มีการไปยุ่งกับการแปลง sampling rate ขึ้นหรือลง เท่านั้นก็พอครับ

ดังนั้นใน Mac mini ของผมโปรแกรมที่ใช้อยู่ทั้ง Roon, Audirvana Plus 2.0 และ Decibel จึงรองรับการเล่นไฟล์ MQA ในที่นี้ทุกโปรแกรมครับ เพลงชุดแรกที่ผมมีโอกาสได้เปรียบเทียบเพื่อทดสอบคุณภาพของการเล่นไฟล์ MQA ใน Explorer 2 คือ “Bozza: Children’s Overture” และ “Blagutten” ซึ่งต้นฉบับนั้นเป็นไฟล์ต้นฉบับ DXD 24/352.8 ถูกโปรแกรมเล่นเพลงทอนลงมาเป็น PCM 24/176.4 เพื่อเล่นกับ Explorer 2

ในแทร็คนี้ไฟล์ MQA ที่ฟังจาก Explorer 2 มีความใกล้เคียงไฟล์ DXD ต้นฉบับมากกว่า 90% ทั้งที่มีขนาดไฟล์เล็กกว่ากันราว 7-8 เท่า! เสียงจากไฟล์ MQA จะเป็นรองไฟล์ต้นฉบับในเรื่องความกว้างของเวทีเสียงเล็กน้อยและฮาร์มอนิกของเสียงในย่านความถี่ต่ำที่เสียงยังไม่อิ่มเปล่งปลั่งเท่า นอกนั้นถือว่าเทียบเคียงกันได้สบายมากไม่มีอะไรให้ขัดใจเลย

มันทำให้ผมจินตนาการไปแล้วว่าถ้าในอนาคตสามารถสตรีมไฟล์คุณภาพระดับนี้มาฟังได้แบบลื่นๆ ไร้การสะดุดผ่านระบบออนไลน์ผมว่ามันเป็นอะไรที่สุดแสนจะแฮปปี้แล้วล่ะครับ สำหรับตัวอย่างการเปรียบเทียบอีกแทร็คที่น่าสนใจคือเพลงบรรเลงเบาๆ ชื่อว่า “North Country II, for flugelhorn, cello & piano” ไฟล์นี้ต้นฉบับเป็น PCM 24/96 ไฟล์ MQA แพ็คมาเป็น 24/48 ขนาดไฟล์เล็กกว่ากันประมาณ 1.6 เท่า การเปรียบเทียบคู่นี้ฟังความแตกต่างได้น้อยมากๆ หรือจะพูดว่าไม่ต่างกันเลยก็ว่าได้

Meridian experience in miniature
ในฐานะที่เคยฟังเครื่องเสียงชุดใหญ่ของเมอริเดียนออดิโอมาก่อน ผมว่าเครื่องเสียงยี่ห้อนี้ไม่ว่ารุ่นใดมีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ มันฟังเพลงได้ไพเราะไปหมด ต่างรุ่นต่างระดับก็แค่ต่างกันในรายละเอียดและระดับของความสมจริง ถ้าคุณมีงบประมาณมากพอ เครื่องเสียงตระกูล 800 Reference เป็นอีกหนึ่งด้านของนิพพานสำหรับการฟังเพลงอย่างแท้จริง

แต่ถ้านั่นคือสิ่งที่สูงเกินไขว่คว้า รุ่นรองลงมาของเมอริเดียนออดิโอก็ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Explorer 2 ที่มีค่าตัวย่อมเยาที่สุดแต่ถูกสร้างขึ้นมาบนมาตรฐานเดียวกัน ด้วยทีมวิศวกรชุดเดียวกัน

สำหรับคนที่อยากสัมผัสประสบการณ์ของเสียงที่มีความเป็นเมอริเดียนโดยแท้อย่างที่ผู้ผลิตเขาคุยไว้ ผมแนะนำว่าถ้าเลือกได้ให้เลือกใช้หูฟังฟูลไซส์ที่มีแบนด์วิธกว้างและรองรับไดนามิกเรนจ์ได้ดี USB DAC ขนาดมินิตัวนี้ขับมันได้แน่นอน ถ้าหูฟังของคุณไม่ได้ขับยากมากจนระดับธรรมดาสามัญ นอกจากจะขับออกแล้วเสียงที่ได้ยังสามารถใช้เป็นบรรทัดฐานของคำว่า เสียงที่มีรายละเอียดสูง หรือ Hi-Res Audio ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

และเป็นนิยามของคำว่า เสียงที่มีรายละเอียดสูงอย่างแท้จริงไม่ว่าเสียงนั้นจะเป็น 16bit/44.1kHz หรือ 24bit/192kHz ก็ตาม ส่วนเรื่องของ MQA นั้นเอาเป็นว่าก็ได้ลองกันพอหอมปากหอมคอเท่าที่จะมีตัวอย่างให้เปรียบเทียบก็แล้วกันนะครับ เวลานี้ผมยังไม่ขอสรุปอะไรเกี่ยวกับ MQA ขอแค่ได้บอกเล่าประสบการณ์ที่ได้ลองฟังพอเป็นสังเขปกับ Meridian Explorer 2 เท่านี้ก่อนนะครับ

เท่าที่ดูจากรายละเอียดทางเทคนิคกับเสียงที่ได้ยินจาก MQA ในอนาคตถ้ามันจะแจ้งเกิดได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียวล่ะครับ คอยติดตามข่าวคราวกันไว้บ้างก็น่าจะดีครับ เพราะได้ข่าวว่าทางเมอริเดียนตั้งใจจะทำให้เล่นได้ในอุปกรณ์ดิจิตอลออดิโอทุก ๆ แพลตฟอร์ม ตั้งแต่เครื่องเสียงบ้านไปยันโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนกันเลยทีเดียวเชียวล่ะครับ


นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บริษัท DECO2000 จำกัด
โทร.0-2256-9700
ราคา : 10,900 บาท 6,000 บาท (ราคาล่าสุด กุมภาพันธ์ 2561)

มนตรี คงมหาพฤกษ์

ผู้ก่อตั้งสื่อออนไลน์ AV Tech Guide อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารและออนไลน์ GM2000 Magazine จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สนใจเครื่องเสียงทั้งระบบอะนาล็อกและดิจิทัล ใช้งานสมาร์ทโฟนทั้ง iOS และ Android ใช้คอมพิวเตอร์ทั้ง macOS และ Windows หลงใหลเทคโนโลยีเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้กำลังเห่อระบบบันทึกเสียงและไมโครโฟนแบบมืออาชีพ