Sony เปิดอัปเดต WH-1000XM5 ให้รองรับ head-tracked spatial audio และเชื่อมต่อ multipoint ได้ดีขึ้น
Sony ได้เปิดให้มีการอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับหูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นเรือธง WH-1000XM5 เพื่อเปิดใช้งานระบบเสียงเชิงพื้นที่แบบติดตามตำแหน่งของศีรษะ (head-tracked spatial audio) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทางบริษัทได้เปิดตัวครั้งแรกในสัปดาห์นี้สำหรับหูฟังไร้สายทรูไวร์เลสรุ่นใหม่อย่าง WF-1000XM5
การอัปเดตนี้ยังรวมถึงการปรับปรุงวิธีการทำงานของ Bluetooth Multipoint บนหูฟังไร้สายเหล่านี้ด้วย ก่อนหน้านี้ คุณต้องเลือกระหว่างการเชื่อมต่ออุปกรณ์สองเครื่องเข้ากับ XM5 พร้อมกัน หรือเลือกให้สามารถใช้ตัวแปลงสัญญาณ Bluetooth ความละเอียดสูง LDAC ของบริษัท
หมายความว่า การเปิดฟีเจอร์ใดฟีเจอร์หนึ่งจะเป็นการปิดอีกฟีเจอร์โดยอัตโนมัติ (ต้องเลือกระหว่าง LDAC และ Bluetooth Multipoint)
ทว่าหลังจากนี้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้ LDAC ทิ้งไว้และใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อพร้อมกันได้ด้วย แม้ว่าอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งจะไม่รองรับ LDAC ก็ตาม (เช่น iPhone)
หากต้องการรับการอัปเดต ให้เชื่อมต่อ WH-1000XM5 ของคุณเข้ากับสมาร์ทโฟนแล้วเปิดแอปฯ Sony Headphones หากแอปฯ ไม่แจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ ให้เลือกแท็บข้อมูลเพื่อดูว่ามีการกล่าวถึงการอัปเดตในรายการข้อความหรือไม่ โดยปกติแล้วการอัปเดตจะใช้เวลาสูงสุด 1 ชั่วโมงบนอุปกรณ์ iOS แต่ใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวในอุปกรณ์ Android
เช่นเดียวกับใน WF-1000XM5 ระบบเสียงเชิงพื้นที่พร้อมระบบติดตามตำแหน่งของศีรษะใน WH-1000XM5 ในเวลานี้ยังถูกจำกัดการใช้งานอยู่ ให้สามารถใช้งานได้เฉพาะกับสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่ใช้ Android 13 ซึ่งรองรับการติดตามศีรษะด้วย เช่น Google Pixel 7 Pro นอกจากนี้ยังต้องมีแอปฯ และเนื้อหาที่เข้ากันได้ด้วย
ในขณะนี้ มีแอปฯ น้อยมากที่จัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ แต่อย่างน้อยก็มี Netflix เป็นหนึ่งในนั้น ในปี 2022 Netflix ได้เปิดใช้เสียงรอบทิศทางสำหรับสมาชิกทั้งหมด สำหรับภาพยนตร์และรายการทีวีบางรายการผ่านการเป็นพันธมิตรกับ Sennheiser
ใครก็ตามที่มีชุดหูฟังสเตอริโอสามารถได้ยินเสียงในเวอร์ชันเสียงรอบทิศทางของเนื้อหานี้ แต่ถ้าคุณมีหูฟังติดตามศีรษะ เสียงก็จะสมจริงยิ่งขึ้น
แหล่งข่าวอย่าง Digital Trends เผยว่าได้ขอให้ Sony จัดทำรายการแอปฯ Android ที่ใช้งานร่วมกันได้ ซึ่งสนับสนุนคุณสมบัติใหม่นี้ และจะอัปเดตในภายหลัง แต่เราคิดว่าจะสะดวกกว่านี้ถ้าโซนี่เปิดเผยข้อมูลนี้ในพื้นที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นในเวบไซต์ของบริษัท หรือในแอปฯ Sony Headphones
ที่มา: digitaltrends