fbpx
REVIEW

รีวิว TCL : LED55F3800

ยุคนี้คงเป็นยุคก่ำกึ่งของระบบภาพระหว่าง Full HD หรือ 1080p ก่อนที่จะก้าวกระโดดไปสู่ยุค 4k ที่มีความละเอียดมากกว่า Full HD 4 เท่าอย่างที่รู้ๆ กัน สิ่งจำเป็นที่จะต้องทำให้จอภาพมีความละเอียดมากขึ้นก็เพราะ ในขณะที่

จอใหญ่ขึ้นมันก็ไม่ควรที่จะอยู่กับความละเอียดระดับ Full HD แบบเดิมๆได้ นึกง่ายๆ เหมือนภาพที่ถูกขยายใหญ่ขึ้น ความคมชัดก็ย่อมน้อยลงเป็นธรรมดา แน่นอนว่าด้วยรายละเอียดระดับ 4k นั้นทำให้ต้นทุนของจอภาพมีราคาสูงเกินไปสำหรับบางคน แต่ในความมืดก็ใช่ว่าจะไม่มีแสงสว่างหลงเหลืออยู่เลย มันยังพอมีจุดเล็กๆ โผล่มาให้เห็น

TCL LED 55F3800 เป็น 4k TV ที่ส่งให้เรามาทดสอบ สามารถแสดงผลทุกคอนเท้นต์ที่มีความละเอียดระดับ 4k UHD ได้อย่างไม่มีปัญหาโดยเฉพาะราคาค่าตัวของมันทำให้คุณสามารถได้จอระดับ 55 นิ้วที่รองรับสัญญาณภาพแบบ 4k โดยควักกระเป๋าแค่ไม่ถึง 20,000 บาทซึ่งเหตุผลหลังนี่แหละครับสำคัญ ซึ่งผมขอเรียกมันว่า “4k ราคา โค-ตระ-ระ น่าคบเลย” น่าจะเป็นความตั้งใจในการทำการตลาดของสินค้าทีวีจากแบรนด์นี้ เหมาะสำหรับคนที่มองการณ์ไกลอยากได้ทีวีจอใหญ่ๆ ที่หวังใช้ได้อีกนานๆ

เหลือก็แต่มาดูกันซิว่าทีวีที่รองรับคอนเทนต์ 4k ในระดับราคานี้ของ TCL จะทำอะไรได้บ้างเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวของมัน

เจาะสเป็ค
TCL LED 55F3800 ออกแบบ มาด้วยรูปร่างที่ดูคุ้นตา กับกรอบจอสีดำที่มีขนาดความกว้าง ประมาณ 1 เซนฯ​ครึ่ง ด้านล่างตรงกลางจอจะมีโลโก้ TCL เห็นอย่างชัดเจนโดยไฟแสดงสถานะการทำงานจะเป็นหลอดแอลอีดีที่ส่องผ่านวัสดุโปร่งแสงดวงยาวๆอยู่ด้านล่างโลโก้นี้อีกทีหนึ่ง ซึ่งจะสว่างก็ต่อเมื่อเรากด stand by หรือก็คือเมื่อเราปิดทีวีนั่นเอง

แต่ถ้ากดเปิดเมื่อไหร่ไฟดวงนี้ก็จะดับไปอัตโนมัติ ถ้าเอามือคลำลงไปก็จะเจอปุ่มคอนโทรลแบบ 4 ทาง ที่มีปุ่มตรงกลางเป็น ปุ่ม ok หรือ ถ้ากดค้างไว้เขาจะกลายเป็นปุ่มปิดทีวี การปิดทีวีเครื่องนี้จะมีอยู่ 2 วิธีคือกดสวิตช์ปิดที่รีโมททีเดียวพื่อเข้าอยู่ในโหมดสแตนบาย วิธีนี้มันจะเปิดขึ้นมาทันทีเมื่อคุณกด switch ที่รีโมทขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนถ้ากดแช่นานๆ ประมาณ 5 วินาที จะเป็นการปิดทีวีแบบชัตดาวน์ เมื่อเปิดขึ้นมาใหม่มันเหมือนเป็นการบูตระบบขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าครั้งแรกนิดหน่อยสังเกตดูจะมีโลโก้ TCL สีแดงโชว์ขึ้นมาให้เห็นอยู่กลางจอเลยทีเดียว

ขาทรงกิ่งไม้สองขาทำให้ทีวีตัวนี้ถ้าจะต้องวางอยู่บนโต๊ะก็ต้องมีความยาวของโต๊ะ 110 cm เป็นอย่างน้อย ด้านขวาจะเป็นช่องเสียบสายไฟ ac แบบ 2 ขาส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องต่อต่างๆ ที่แบ่งเป็น หันออกด้านข้าง และออกด้านหลัง โดยเฉพาะที่ด้านข้างจะเป็นขั้วต่อดิจิตอลที่ใช้อยู่เป็นประจำๆ อย่างช่อง HDMI 1 และ 2 จะอยู่ทางด้านข้าง กับช่องเชื่อมต่อ USB 3.0 ความเร็วสูงที่มีให้ 1 ช่อง กับแบบ 2.0 ธรรมดาจะสังเกตว่าเขาเอาไว้ให้อยู่ใกล้ๆกับขั้วต่อเสาอากาศทีวีดิจิตอลภายนอกเอาไว้สำหรับเสียบไฟเลี้ยงให้กับเสาอากาศทีวีบางรุ่นที่ต้องการไฟเลี้ยงก็เสียบเอาใกล้ๆทางช่องนี้

ด้านหลังยังเหลือ HDMI 3 กับขั้วต่อสายแลนและช่องรับสัญญาณภาพในแบบอนาล็อกที่ยังหลงเหลือขั้วต่อ VGA มาให้ด้วย ด้านหลังจอถูกปิดครอบไว้ ด้วยฝาหลังที่เป็นโลหะอย่างเรียบร้อยและแข็งแรงดีมากแต่ก็ต้องแลกด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดแล้วทีวีตัวนี้จะหนักอยู่ประมาณ 14 กิโล แต่ก็สามารถยึดแขวนผนังได้อย่างไม่มีปัญหาโดยด้านหลังจะมีจุดยึดน็อตขาแขวนมาให้เรียบร้อยทั้ง 4 จุด ส่วนลำโพงของทีวีตัวนี้จะถูกซ่อนไว้ด้านล่างแบบที่หันหน้ายิงลงพื้นเป็นธรรมเนียมของทีวีในระดับ Mid-End

ตามสเปคที่ได้มาทีวีตัวนี้เจอมีมันสมองของการทำงานด้วย CPU 64 bit 4 core A53 ทำงานที่ความถี่ 1.5 กิ๊กกะเฮิร์ทพร้อมกับ GPU แสดงผลแบบ 6 core MALI450 ทำงานที่ความถี่สูงสุด 600 เมกะเฮิรตซ์ รอม 12G DDR3 แรม 8 GB ทำงานเป็นสมาร์ททีวีด้วยระบบปฏิบัติการ android 5.1.1สิ่งที่เราเรียกอินเตอร์เฟซสำหรับสมาร์ททีวีตัวนี้ว่า UI+2.0 เป็นหน้าตา interface ของระบบปฏิบัติการบนทีวีของ TCL ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคแอนดรอยด์ทีวีในรุ่นบนๆ ซึ่งก็ใช้งานตรงไป ตรงมาดี แต่อาจจะไม่มี application อะไรให้โหลดได้มากนัก แต่ก็ยังอาศัยหยิบยืมบางส่วนมาจาก Play Store ของ Android ได้แต่ต้องลง app Play Store ที่ให้มาเสียก่อน

ที่พิเศษมากๆกับทีวีตัวนี้ก็คือมันมีฟังก์ชัน HDR ติดมาด้วย เฮ้ย!…… ทีวีราคานี้ยังมี HDR มาให้อีกด้วยเนี่ยนะ

แต่ช้าก่อน มันเป็นฟังก์ชัน HDR10 ในเวอร์ชั่นที่จะทำงานเฉพาะกับอินพุตที่เข้ามาทางช่อง USB หรือเข้ามาทาง network เท่านั้น ทางช่อง HDMI หมดสิทธิ์ แต่ก็เป็น HDR ในเวอร์ชั่นไหนเดี๋ยวจะสาธยายให้ฟังตอนเซ็ตอัพอีกทีก็แล้วกัน บทสรุปเรื่อง spec ของ TCL LED55F3800 ตัวนี้ สำหรับผมถือว่าสมราคานะไม่ถึงกับสเป็คหรูขั้นเทพนัก แต่ก็ยังมีตัวประมวลผลสูงกว่า 4K ในท้องตลาดบางตัว ลงโปรแกรมเพิ่มได้อีกพอสมควรแต่กับช่องต่ออินพุทต้องทำใจเพราะมีให้อย่างพอดีเท่าที่จำเป็นโดยเฉพาะยังไม่มีช่อง HDMI (ARC) มาให้ แต่ก็ยังมี output digital ที่เป็น Optical TosLink ให้ได้ใช้อยู่

ธนภณ พูลเจริญ

Content Contributor ที่ปรารถนาจะถ่ายทอดประสบการณ์ในแวดวงโฮมเธียเตอร์ ทีวี และระบบเสียงมัลติรูมในแง่ของความคุ้มค่าของการใช้งาน เปิดมุมมองสู่ความต้องการที่ชัดเจนให้กับผู้บริโภคที่ชื่นชอบเทคโนโลยี