Lexar เลิกทำ XQD Card พร้อมเผยเหตุที่ทำให้เทคโนโลยีนี้ไปต่อไม่ได้
Lexar ไม่สนใจจะทำตลาดการ์ดหน่วยความจำ XQD ต่อ และกำลังมุ่งความสนใจไปที่การผลักดันให้การ์ดหน่วยความจำ CFexpress กลายเป็นมาตรฐานในอนาคต
หลังจากที่บริษัท Micron ได้ยุติธุรกิจเกี่ยวกับการ์ดหน่วยความจำภายใต้แบรนด์ Lexar ลงในเดือนมิถุนายนปี 2017 จากนั้นก็ได้ขายธุรกิจให้กับบริษัท Longsys ของจีนในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ทำให้ชื่อของ Lexar กลับมาอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตการ์ดหน่วยความจำ รวมถึงการ์ดหน่วยความจำแบบ XQD อีกครั้ง
ล่าสุดตัวแทนจำหน่าย Lexar ในประเทศโปแลนด์ ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ผ่านทางเว็บไซต์ My Adventure เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุว่า Lexar ได้นำสินค้า XQD ออกจากตลาดแล้ว
โดยทาง Longsys ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากข้อสรุปการทำตลาด XQD ที่ผ่านมา ทางโซนี่เป็นผู้ผูกขาดการถือครองลิขสิทธิ์ XQD แต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งมีกล้องน้อยรุ่นที่รองรับการ์ด XQD จึงได้ข้อสรุปว่า “การลงทุนและการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไปดูจะไม่คุ้มค่า”
Lexar กล่าวว่า Sony และ บริษัทอื่น ๆ ต้องรับผิดชอบต่อการปล่อยปละละเลยในการทำตลาด
ทางบริษัทยังเผยข่าวลือจากทาง Nikon ว่า “ในขณะที่ Lexar กระตือรือร้นที่จะไล่ตามเทคโนโลยี XQD อยู่ฝ่ายเดียว โดยมีผลิตภัณฑ์ของ XQD ที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายบริษัทรวมทั้งโซนี่ (ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา Intellectual Property : IP) แต่ไม่ค่อยทำตลาดนัก จึงทำให้เราไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้”
“นอกจากนั้นเรายังมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันมาตรฐานในอนาคตอย่างการ์ดหน่วยความจำ CFexpress ด้วยความพยายามจากหลาย ๆ บริษัทใน Compact Flash Association และยังเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตกล้องระดับแนวหน้าอีกด้วย”
XQD ถูกปล่อยสู่ตลาดในปี 2010 โดยมี SanDisk, Sony และ Nikon ให้การสนับสนุน ส่วน CFexpress ได้รับการสนับสนุนโดย CompactFlash Association ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วยแต้มต่อที่เหนือกว่า และกล้องที่รองรับ XQD สามารถอัปเกรดให้รองรับ CFexpress ได้โดยทำการอัปเดตเฟิร์มแวร์เท่านั้นเอง
ในขณะที่การ์ด XQD มีความเร็วสูงสุด 1,000 MB/s แต่ CFexpress สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยความเร็ว 7,880 MB/s หรือเกือบ 8 กิกะไบต์ต่อวินาที
ความเคลื่อนไหวล่าสุดขณะนี้ Lexar ได้ร่วมมือกับ ProGrade Digital ผู้ผลิตการ์ดหน่วยความจำน้องใหม่มาแรงในการปลด XQD ออกจากการทำตลาด และผลักดัน CFexpress เข้ามาทำตลาดในอนาคตแทน
