fbpx
KNOWLEDGE

Dolby Vision หรือ HDR10 เลือกแบบไหนดีกว่ากัน?

ใครก็ตามที่จะซื้อทีวี 4K UHD ด้วยงบประมาณที่ค่อนข้างสูง คงต้องตัดสินใจว่าจะเลือกระบบ HDR (High Dynamic Range) แบบไหน ไม่ว่าคุณจะต้องการมันหรือไม่ คำแนะนำคือ หากคุณมีกำลังจ่ายควรที่จะมีมันไว้

สิ่งแรกที่จะต้องดูก็คือ คุณจะเลือก HDR ประเภทไหน HDR10 หรือ Dolby Vision หรือทั้งคู่ จากนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจซะก่อนว่าทีวีของคุณไม่เพียงรองรับได้แค่ระบบที่คุณต้องการเท่านั้น ควรจะดูว่ารองรับแล้วมันทำได้ดีแค่ไหน

หลังจากที่ได้ลองทดสอบเปรียบเทียบคุณภาพด้านต่างๆ ของ HDR10 กับ Dolby Vision ที่ติดอยู่ในเครื่องรับโทรทัศน์กันไปบ้างแล้วนั้น สรุปในเบื้องต้นได้ว่า Dolby Vision ให้ภาพที่ดีกว่ามาก ทั้งในส่วนของสีสันที่สมจริงยิ่งกว่า รายละเอียดบนพื้นที่สว่างและมืดของแต่ละฉากดีกว่า ไหนจะคอนทราสต์ก็ยังดีกว่าด้วย

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า HDR10 นั้นไม่มีคุณค่าอะไรเลย อีกทั้งทีวีที่รองรับ Dolby Vision อย่างไรก็จะรองรับ HDR10 ด้วย อีกทั้ง HDR10 นั้นให้ภาพที่ดีกว่าสัญญาณภาพมาตรฐานทั่วไป (SDR) อย่างเห็นได้ชัดหากใช้งานอย่างเหมาะสมกับทีวีที่คุณภาพดีพอ กับทีวี QLED ของซัมซุงรวมทั้งทีวีอื่น ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีควอนตัมดอท ประเด็นนี้เห็นความแตกต่างได้ชัดมาก

Dolby Vision เป็น HDR ที่ดีที่สุดในปัจจุบันจริงหรือ?
Dolby Vision ทำงานโดยให้ทีวีของคุณสตรีมข้อมูลอ้างอิงมาเก็บไว้เพื่อเตรียมพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทีวีสามารถแสดงผลในแต่ละฉากออกมาได้ดีที่สุด

ในบางครั้งการควบคุมดังกล่าวจะปรับปรุงคุณภาพกันอย่างละเอียดลงไปจนถึงระดับเฟรมเป็นผลให้ Dolby Vision ให้ภาพที่ดีกว่า HDR10 ไม่ว่าจะเป็นในฉากกลางวัน ฉากกลางคืน และฉากอื่น ๆ

Dolby Vision จะเปิดโอกาสให้ถ่ายทอดความละเอียดของสีสันได้ถึงระดับ 12 บิต เหนือกว่า HDR10 และ HDR10+ ที่ให้ความละเอียดของสีสันได้สูงสุดเพียงแค่ 10 บิต

แต่ในขณะนี้ทีวีที่วางจำหน่ายอยู่ทั่วไปยังไม่รองรับสีสันระดับ 12 บิต โดยทาง Dolby ยืนยันว่า Dolby Vision สามารถลดระดับการทำงานลงมาให้อยู่ในระดับ 10 บิต แต่ก็ยังคงให้ความถูกต้องที่ดีกว่าได้

ภาพทางด้านล่างเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงคุณภาพของภาพผ่านทางช่อง HDMI ด้วยมาตรฐาน lefr (Licensing Administrator’s comparison of standard dynamic range) โดยภาพตรงกลางเป็น HDR แบบที่ใช้ข้อมูลในการเปรียบเทียบแบบคงตัว (HDR10) และภาพทางด้านขวาเป็น HDR แบบที่ใช้ข้อมูลการเปรียบเทียบแบบปรับเปลี่ยนตลอดเวลา (Dolby Vision และ HDR10+)

ลำพังเพียง Dolby Vision ไม่ได้ทำให้เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นมาได้ หากแต่ Dolby Labs ได้ทำงานร่วมกับบรรดาผู้ผลิตที่เลือกใช้เทคโนโลยีนี้ซึ่งทำให้ ทีวี แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่เลือกใช้เทคโนโลยีนี้ สามารถถ่ายทอดประสิทธิภาพในการทำงานออกมาได้ดีที่สุด

ทีวีที่รองรับ HDR จะให้ประสบการณ์อันยอดเยี่ยมของภาพแบบ HDR ได้เสมอไปหรือไม่?
ไม่ใช่ว่าทีวีทุกเครื่องจะมีความสามารถในการประมวลผล HDR นอกเหนือไปจากข้อมูล metadata ที่มันได้รับมา ตัวทีวีจำเป็นต้องมีกระบวนการจัดการกับสีสันและคอนทราสต์สำหรับการแสดงผลในแบบ HDR ได้อย่างถูกต้องด้วย

ไม่เพียงแค่รับสัญญาณมาแล้วแสดงบนจอภาพเท่านั้น เป็นเหตุให้เราอาจเคยเห็นทีวีที่รองรับภาพในแบบ HDR10 แต่สิ่งที่เห็นไม่มีอะไรแตกต่างไปจากมาตรฐานภาพแบบ SDR ทั่วไป

ความแตกต่างของทีวีทั่วไป (SDR) กับทีวีที่รองรับ HDR

Samsung เคยบอกว่า LED TV ต้องให้ความสว่างได้ถึง 1,000 nits ถึงจะสามารถแสดงผลแบบ HDR ออกมาได้ดี แต่ทว่าทีวี P-Series ของ Vizio มีเคล็ดลับในการจัดการกับแสงได้ดีกว่าทำให้ใช้ความสว่างเพียงแค่ 600 nits เท่านั้นอย่างน้อยก็ในส่วนของ Dolby Vision

Hisense และ Sony ทั้งคู่สามารถสร้าง HDR ที่ดีได้ด้วยความสว่างแค่ 700 nits แต่สำหรับทีวีส่วนใหญ่ที่มีความสว่างอยู่ที่ 300 ถึง 400 nits เราอาจไม่เห็นจุดเด่นใด ๆ ของ HDR เลย ในบางกรณีภาพอาจดูแย่ลงไปอีกก็เพราะพยายามปรับให้โทนสีโดยรวมมืดทึบเพื่อให้ส่วนของไฮไลต์เด่นขึ้นมา

HDR ที่ดีนั้นจะให้ภาพเป็นธรรมชาติกว่าทีวีทั่วไป ทั้งรายละเอียดในที่มืดและรายละเอียดในที่แจ้ง

HDR10 + จะมาต่อกรกับ Dolby Vision ได้ไหม?
ตอนนี้ HDR10+ ดูเหมือนจะเข้ามาเป็นแนวรุกแทนที่ HDR10 และได้กลายเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับ Dolby Vision เพราะใช้เมตาดาต้าแบบไดนามิกเหมือนกันทั้งยังผลิตผลมาจาก 20th Century Fox, Panasonic และ Samsung

ขณะที่จุดเด่นของ HDR10+ คือการเปิดให้ใช้ฟรีและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ส่วน Dolby นั้นออกนำไปแล้วหลายช่วงตัว อีกทั้งชื่อของ Dolby ยังเป็นที่รู้จักแพร่หลายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมยังได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากทางดอลบี้

ซึ่งนั่นทำให้น่าไว้วางใจกว่าทาง HDR10+ ซึ่งการพัฒนานั้นขึ้นตรงอยู่กับกลุ่มนักพัฒนาเพียงทางเดียว มองแล้วจึงไม่ง่ายนักที่ HDR10+ จะหลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือครองใจผู้บริโภคได้ในเวลาอันใกล้นี้

อย่างไรก็ตาม Dolby จะเรียกเก็บเงินจากผู้สร้างหนัง ไปเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องมือในการผลิตและผู้ผลิตจะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ นั่นหมายความว่าลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Dolby Vision ก็ต้องช่วยจ่ายต้นทุนแฝงในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน

แต่นั่นก็ไม่สามารถช่วยให้ HDR10+ กลับมาอยู่ในกระแสได้ มันขึ้นอยู่กับการยอมรับของผู้บริโภค

ถึงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อทีวีที่รองรับ HDR แล้วหรือยัง?
สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ดูเหมือนว่า Dolby Vision น่าจะเป็นภาพลักษณ์ของทีวีระดับพรีเมี่ยม จากเดิมที่เมื่อปีก่อนมันยังมีสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง แต่มาในปีนี้ทราบว่ามีทีวีจำนวนมากในตลาดที่รองรับ Dolby Vision

อีกทั้ง Hollywood ยังตอบรับที่จะผลิตงานที่เข้ารหัสสัญญาณแบบ Dolby Vision ด้วย ไหนจะเป็นเรื่องของคุณค่าในตัวของ Dolby Vision เองที่ทำให้บรรดาผู้ผลิตทีวียอมเสียค่าใช้จ่ายเพื่อให้ทีวีของตัวเองรองรับ Dolby Vision ด้วย

ขณะที่ HDR10+ ที่ว่ากันว่าเปิดให้ใช้ฟรี ไม่มีข้อผูกมัด ก็ยังคงสร้างความน่าสนใจและอาจจะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายได้ภายในปีนี้เช่นกัน แถมยังไม่ใช่เรื่องยากที่ Hollywood หรือผู้ผลิต TV จะให้การสนับสนุน นอกจากนั้นระบบนี้ยังมีข้อดีที่ตัว metadata มีขนาดค่อนข้างเล็ก

ถ้าว่ากันเฉพาะในเวลานี้ Dolby Vision นั้นโดดเด่นมาก แต่ในอนาคตใครจะรู้ได้ เกมอาจพลิกได้เสมอ ขอให้จับตามองกันอย่างใกล้ชิด

สำหรับท่านที่กำลังจะจ่ายเงินเพื่อทีวีเครื่องใหม่แล้ว อย่าได้ตื่นตะหนกกับสิ่งที่จะเกิดต่อไป คุณควรไปที่ร้านขายทีวีแล้วมองดูความแตกต่างด้วยตาของคุณเอง ในปัจจุบันมีหนังแผ่น Blu-ray Ultra HD จำนวนมากที่สนับสนุน HDR10 และ Dolby Vision ให้ลองเล่นฉากเดียวกันด้วยทีวีเครื่องเดิม เปรียบเทียบดูความแตกต่างจากทีวีที่คุณหมายตาอยู่

ขอให้คุณโชคดีได้ทีวีที่ถูกใจ

ธวัชชัย อุไรรัตน์

ชื่นชอบดนตรีและเครื่องเสียงตั้งแต่ ปวช. ประกอบเครื่องเสียงใช้เองตั้งแต่เริ่มแรก ผ่านประสบการณ์ทางด้านเสียง/โฮมเธียเตอร์มาแล้วหลายรูปแบบ ทั้งนักวิจารณ์เครื่องเสียง/โฮมเธียเตอร์ เป็นทีมงานเครื่องเสียงให้เช่า (ติดตั้งโครงสร้าง วางลำโพง เซ็ตระบบเสียงทั้ง PA และ Monitor มิกซ์เสียง) ผ่านงานติดตั้งระบบมินิเธียเตอร์ ทั้งระบบภาพ 3D แบบ Passive (2 Projector Stack) และระบบเสียง 7.1 แชนเนล ผ่านการอบรม The Sound Master มีผลงานเขียนตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง ติดตามเทคโนโลยีอยู่เสมอ