fbpx
NEWS

Apple เผยโฉม iPad Pro ใหม่ มาพร้อม LiDAR Scanner ระบบกล้องคู่เลนส์อัลตราไวด์ และรองรับแทร็คแพด ราคาเริ่มต้น 27,900 บาท

คูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย — 18 มีนาคม 2563 – วันนี้ Apple® ประกาศเปิดตัว iPad Pro® ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยวันนี้มาพร้อมชิพ A12Z Bionic ที่ทำให้ iPad Pro เร็วและทรงพลังยิ่งกว่าแล็ปท็อป PC ที่ใช้ Windows โดยส่วนใหญ่

นอกจากนี้ iPad Pro ยังมีกล้องอัลตร้าไวด์และไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอ พร้อมด้วย LiDAR Scanner สุดล้ำที่รับรู้มิติในแนวลึกได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่เวิร์กโฟลว์ระดับโปร รวมถึงการรองรับแอปฯ รูปภาพและวิดีโอระดับโปรอีกมากมาย

และยิ่งรวม LiDAR Scanner เข้ากับกล้องระดับโปร เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ประสิทธิภาพระดับโปร ระบบเสียงระดับโปร จอภาพ Liquid Retina® ที่สวยสะกดตา และแอปฯ อันทรงพลังด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ iPad Pro เป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับเทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) จนยากจะหาใครเทียบ

Apple เพิ่มการรองรับแทร็คแพดให้กับ iPad® ด้วย iPadOS 13.4 เพื่อให้ลูกค้ามีวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับ iPad อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน แต่แทนที่จะลอกประสบการณ์การใช้งานจาก macOS ตรง ๆ เราเลือกที่จะออกแบบการรองรับแทร็คแพดขึ้นใหม่หมดในทุกรายละเอียดสำหรับ iPad

โดยเมื่อผู้ใช้เคลื่อนนิ้วไปบนแทร็คแพด เคอร์เซอร์ก็จะปรับเปลี่ยนรูปแบบอย่างสวยงามเพื่อเน้นองค์ประกอบในอินเทอร์เฟซการใช้งานให้เด่นชัด และยังสามารถใช้คำสั่งนิ้วแบบ Multi-Touch บนแทร็คแพดเพื่อไปยังส่วนต่าง ๆ ของทั้งระบบได้ง่าย ๆ อย่างรวดเร็วโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องยกมือขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ

วันนี้ Apple ยังเปิดตัว Magic Keyboard ใหม่สำหรับ iPad Pro ซึ่งมาพร้อมดีไซน์แบบยกลอยที่ปรับเอนได้อย่างลื่นไหล คีย์บอร์ดแบบแบ็คไลท์ และแทร็คแพด Magic Keyboard จึงพร้อมมอบประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPad โดย Magic Keyboard จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้

“iPad Pro ใหม่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกของคอมพิวเตอร์แบบพกพา” Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว

“ครั้งนี้เป็นการนำจอภาพที่ล้ำหน้าที่สุดบนอุปกรณ์พกพามารวมเข้ากับประสิทธิภาพอันทรงพลัง กล้องระดับโปร ระบบเสียงระดับโปร รวมถึง LiDAR Scanner สุดล้ำและ Magic Keyboard ใหม่พร้อมแทร็คแพด เรียกได้ว่าเป็นความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดสำหรับ iPad ในระดับที่ไม่มีอุปกรณ์ไหนในโลกเหมือน และเราเชื่อว่าลูกค้าจะต้องชื่นชอบ iPad Pro ใหม่นี้อย่างแน่นอน”

“เราออกแบบให้ iPad มีความสามารถและอเนกประสงค์มากยิ่งขึ้นโดยเพิ่มการรองรับแทร็คแพดใน iPadOS” Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple กล่าว

“เราพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการผนวกรวมการใช้งานแทร็คแพดเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่เน้นการสัมผัสเป็นหลักโดยที่ยังคงทุกอย่างที่ลูกค้าคุ้นเคยและชื่นชอบเกี่ยวกับ iPad ไว้เช่นเดิม และเรารู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ ที่จะได้นำวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับ iPad มาสู่ผู้ใช้งาน iPadOS หลายล้านคนในวันนี้”

iPad Pro สร้างมาสำหรับงานที่ต้องประมวลผลหนัก ๆ อย่างการตัดต่อวิดีโอ 4K หรือการออกแบบโมเดล 3D และครั้งนี้ก็มาพร้อมชิพ A12Z Bionic ใหม่ที่ยกระดับประสิทธิภาพให้เหนือชั้นไปอีกขั้น นอกจากนี้ยังมี GPU แบบ 8-core ใน A12Z Bionic รวมถึงสถาปัตยกรรมการควบคุมความร้อนที่ดียิ่งขึ้น และตัวควบคุมประสิทธิภาพที่ปรับแต่งมาเป็นอย่างดี

iPad Pro จึงมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่เคยมีมาใน iPad เลยทีเดียว ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับ CPU แบบ 8-core และ Neural Engine อันทรงพลังที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับแอปฯ เจเนอเรชั่นถัดไปแล้ว ก็บอกได้เลยว่าไม่มีชิพไหนจะมีประสิทธิภาพในระดับสุดขั้วอย่างที่มีอยู่ในดีไซน์ที่ทั้งบางและเบาของ iPad Pro อีกแล้ว

ยิ่งกว่านั้นยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง, การเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่เร็วยิ่งขึ้น และ LTE ระดับ Gigabit ที่เร็วขึ้น 60% ทั้งยังรองรับย่านความถี่ LTE มากกว่าแท็บเล็ตอื่น ๆ ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถทำงานและสร้างสรรค์ได้ตลอดวัน

จอภาพ Liquid Retina แบบขอบจรดขอบทั้งในรุ่น 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว เป็นจอภาพที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกบนอุปกรณ์พกพา เพราะรองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3 ช่วยให้ลูกค้าดูรูปภาพ วิดีโอ ใช้งานแอปฯ และเล่นเกมด้วยรายละเอียดที่ครบถ้วนสมจริง และยังมีเทคโนโลยี ProMotion® ที่จะปรับอัตรารีเฟรชของจอภาพสูงสุด 120 Hz โดยอัตโนมัติเพื่อให้การเลื่อนหน้าจอมีความลื่นไหลสุด ๆ และตอบสนองรวดเร็วทันใจ

นอกจากนี้ยังมีการแสดงผลแบบ True Tone, ความสว่างในระดับสูง และการเคลือบผิวป้องกันแสงสะท้อน จึงมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุดในบรรดาอุปกรณ์พกพา ไม่ว่าจะจะพก iPad Pro ไปที่ไหน หรือโต้ตอบกับอุปกรณ์อย่างไร

ระบบกล้องระดับโปรบน iPad Pro มาพร้อมกล้องไวด์ความละเอียด 12MP สำหรับถ่ายภาพและวิดีโอระดับ 4K ที่สวยงามน่าทึ่ง และวันนี้ยังมีกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 10MP ที่ซูมออกมาได้ 2 เท่าเพื่อเก็บภาพในมุมมองที่กว้างขึ้น

และกล้องตัวที่สองที่เพิ่มเข้ามานี้เองคือ สิ่งที่ช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการถ่ายภาพและวิดีโอขึ้นอีกเท่าตัวโดยการเปิดมุมมองที่แตกต่างและการใช้งานแบบหลายกล้อง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับมือโปรด้านครีเอทีฟ

วันนี้ iPad Pro มาพร้อมไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอ 5 ตัวสำหรับบันทึกเสียงที่ใสสะอาด รวมถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แทบไม่ได้ยิน และยังมอบประสบการณ์ด้านเสียงที่เต็มอิ่มสมจริงด้วยระบบเสียง 4 ลำโพงที่จะปรับตามแนวการหมุนเครื่องโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะถือแบบไหน

ซึ่งเมื่อผนึกกำลังกับกล้องระดับโปร ระบบเสียงระดับโปร และจอภาพขนาดใหญ่แล้ว iPad Pro ก็จะกลายเป็นสตูดิโออเนกประสงค์แบบพกพาสำหรับมือโปรด้านครีเอทีฟ ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ มือโปรด้านวิดีโอ ผู้สร้างพ็อดคาสท์ และผู้สร้างคอนเทนต์อื่น ๆ อีกมากมาย

LiDAR Scanner สุดล้ำทำให้เกิดความสามารถอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนบนอุปกรณ์พกพา เพราะ LiDAR Scanner สามารถวัดระยะไปยังวัตถุรอบ ๆ ที่อยู่ไกลสูงสุด 5 เมตร โดยสามารถใช้งานได้ทั้งในและนอกอาคาร รวมถึงทำงานได้ละเอียดในระดับโฟตอนที่ความเร็วระดับนาโนวินาที

พร้อมกันนี้ยังมีเฟรมเวิร์กใหม่ด้านมิติความลึกใน iPadOS ที่จะรวมความลึกหลาย ๆ จุดที่วัดโดย LiDAR Scanner เข้ากับข้อมูลที่ได้จากทั้งกล้องและเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เสริมด้วยอัลกอริทึมด้านการมองเห็นของคอมพิวเตอร์ใน A12Z Bionic เพื่อทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมให้ละเอียดยิ่งขึ้น

และเมื่อองค์ประกอบเหล่านี้ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คืออีกขั้นของประสบการณ์ AR บน iPad Pro อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนั่นเอง

แอปฯ ARKit™ เดิมทั้งหมดจะสามารถทำอะไร ๆ ได้มากขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการวางตำแหน่งสิ่งต่าง ๆ แบบ AR ที่รวดเร็วทันใจ รวมถึงจับการเคลื่อนไหวและการผสานร่วมกับคนที่ดียิ่งขึ้น

โดยนักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์จาก LiDAR Scanner ใหม่สุดล้ำในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมในแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน โดยอาศัย ARKit ที่อัพเดทล่าสุด พร้อมด้วย Scene Geometry API ใหม่

LiDAR Scanner ช่วยยกระดับแอปฯ เครื่องมือวัดให้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถคำนวณความสูงของคนแบบอัตโนมัติได้เร็วและง่ายขึ้น และยังแสดงเส้นแนวตั้งและเส้นขอบเป็นแนวทางให้โดยอัตโนมัติเพื่อช่วยให้ผู้ใช้วัดขนาดวัตถุได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้แอปฯ เครื่องมือวัดในวันนี้ยังมาพร้อมมุมมองไม้บรรทัดเพื่อการวัดที่ละเอียดยิ่งขึ้น และยังให้ผู้ใช้บันทึกรายการข้อมูลการวัดทั้งหมดพเก็บไว้พร้อมภาพหน้าจอเพื่อใช้ในอนาคตอีกด้วย

iPadOS 13.4 มาพร้อมการรองรับแทร็คแพดสำหรับ iPad เป็นครั้งแรกเพื่อประสบการณ์การพิมพ์ที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น และยังเพิ่มความแม่นยำให้กับงานอย่างการเขียนและการเลือกข้อความ การทำงานกับสเปรดชีท และเวิร์กโฟลว์ระดับโปรด้วย

โดยเคอร์เซอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับประสบการณ์การใช้งาน iPad ที่เน้นการสัมผัสเป็นหลักนั้น จะปรากฏในรูปแบบของวงกลมที่เน้นองค์ประกอบในอินเทอร์เฟซผู้ใช้ ช่องข้อความ รวมถึงแอปฯ ในหน้าจอโฮมและ Dock เพื่อบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าผู้ใช้สามารถคลิกอะไรได้บ้าง

นอกจากนี้การใช้คำสั่งนิ้วบนแทร็คแพดได้อย่างลื่นไหลยังทำให้สามารถสลับไปมาระหว่างแอปฯ เปิดแถบสลับแอปฯ และเรียกใช้งาน Dock, ศูนย์ควบคุม รวมถึงแอปฯ ใน Slide Over ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

การรองรับแทร็คแพดใน iPadOS ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับแอปฯ ที่ลูกค้าใช้เป็นประจำทุกวันได้อย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่การเลื่อนดูเว็บเพจใน Safari® และคลังรูปภาพในแอปฯ รูปภาพอย่างลื่นไหล จนถึงการแก้ไขข้อความอย่างแม่นยำในแอปฯ โน้ต รวมถึงการดูและจัดระเบียบอีเมลในแอปฯ เมลอย่างรวดเร็ว

เรียกได้ว่าการใช้งานแทร็คแพดกับ iPad นั้นจะมีแต่ความเพลิดเพลิน ในขณะที่แอปฯ ของบริษัทอื่นโดยส่วนใหญ่จะยังใช้งานได้เหมือนเดิมทุกประการ ส่วนนักพัฒนาก็สามารถทำอะไร ๆ ได้มากยิ่งขึ้นด้วย API ใหม่ที่จะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาได้มอบประสบการณ์การใช้งานในแอปฯ ของตนในแบบที่ไม่เหมือนใคร

ชุดแอปฯ iWork® เพื่อการทำงานจาก Apple ทั้ง Pages®, Numbers® และ Keynote® ล้วนได้รับการอัพเดทเพื่อใช้ประโยชน์เต็มที่จากแทร็คแพด และมาพร้อมวิธีใหม่ในการทำงานกับเอกสารบน iPad อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อให้สามารถเขียนและแก้ไขข้อความใน Pages ได้รวดเร็วทันใจ

รวมถึงทำงานกับวัตถุหลายชิ้นใน Keynote ในเร็วยิ่งกว่าที่เคย ส่วนความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นมานั้นก็ช่วยให้การทำงานกับสเปรดชีทที่ใหญ่สุด ๆ กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติใหม่อื่น ๆ อย่างเท็มเพลตสวยงามใหม่ ๆ ที่มีให้เลือกมากมายใน Pages และ Keynote ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มต้นการรังสรรค์เอกสารสวย ๆ ได้ทันที

และถือเป็นครั้งแรกใน iWork ที่ผู้ใช้จะสามารถเพิ่ม Drop Cap หรือการขึ้นต้นย่อหน้าด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่เพื่อทำให้ย่อหน้านั้น ๆ โดดเด่นขึ้นมาได้อีกด้วย ส่วนการทำงานร่วมกันก็จะง่ายยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ด้วยการรองรับการแชร์โฟลเดอร์ iCloud® และความสามารถในการแก้ไขเอกสารที่แชร์ขณะออฟไลน์

Magic Keyboard ใหม่เข้ามาเสริมทัพ Apple Pencil® รุ่นที่ 2 และ Smart Keyboard Folio™ ที่ปรับปรุงใหม่ โดย Magic Keyboard จะยึดติดกับ iPad Pro ด้วยแม่เหล็ก และมาพร้อมดีไซน์ที่จะยกหน้าจอ Multi-Touch อันสวยงามให้ลอยขึ้นมา เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายไม่ว่าจะวางบนตักหรือบนโต๊ะ

ส่วนบานพับแบบปรับเอนได้อันเป็นเอกลักษณ์ก็ช่วยให้สามารถปรับมุมในการมองได้อย่างลื่นไหลสูงสุดถึง 130 องศา นอกจากนี้ในดีไซน์ที่พกพาสะดวกและปกป้องตัวเครื่องของ Magic Keyboard นั้นยังมีคีย์บอร์ดขนาดมาตรฐานพร้อมปุ่มแบบแบ็คไลท์และกลไกแบบกรรไกรที่มีการขยับขึ้นลงของปุ่มที่ระยะ 1 มม. เพื่อมอบประสบการณ์การพิมพ์ที่ดียิ่งกว่าครั้งไหน ๆ บน iPad

Magic Keyboard มาพร้อมคุณสมบัติในการชาร์จแบบส่งผ่าน ทำให้ iPad Pro มีพอร์ต USB-C เหลือสำหรับอุปกรณ์เสริมอย่างไดรฟ์และจอภาพภายนอก

ในขณะที่แทร็คแพดแบบคลิกตรงไหนก็ได้บน Magic Keyboard เข้ามาเติมเต็มดีไซน์ที่เน้นการสัมผัสเป็นหลักของ iPad เพื่อให้การไปยังส่วนต่าง ๆ และการปรับแต่งนั้นทำได้ง่ายและแม่นยำ ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งาน iPad Pro ทั้งในด้านการทำงานและความอเนกประสงค์ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น

ราคาและการวางจำหน่าย
iPad Pro ใหม่เปิดให้สั่งซื้อในเร็ว ๆ นี้ทาง apple.com/th และแอปฯ Apple Store โดย iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้วใหม่มีให้เลือกระหว่างสีเงินและสีเทาสเปซเกรย์ โดยมีความจุเริ่มต้นที่ 128GB เพื่อให้ลูกค้าระดับโปรมีพื้นที่จัดเก็บแอปฯ และคอนเทนต์ต่าง ๆ มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีรุ่นความจุ 256GB, 512GB และ 1TB ให้เลือกด้วย

iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว มีราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 32,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ส่วน iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว มีราคาเริ่มต้นที่ 34,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 39,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular

ราคาส่งเสริมการศึกษาเป็นราคาสำหรับนักศึกษาปัจจุบันและนักศึกษาใหม่ที่ได้รับการตอบรับให้เข้าเรียน รวมถึงครอบครัว คณาจารย์ พนักงาน และครูที่สอนแบบโฮมสคูลในทุกระดับชั้น โดย iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่มีราคาเริ่มต้นที่ 26,200 บาท และ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว มีราคาเริ่มต้นที่ 31,200 บาท

ในขณะที่ Apple Pencil รุ่นที่ 2 มีจำหน่ายในราคา 4,190 บาท และ Smart Keyboard Folio ใหม่ สำหรับ iPad Pro ใหม่ มีจำหน่ายในราคา 5,300 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 6,100 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว

ซึ่งทั้งหมดเป็นราคาสำหรับนักศึกษา ส่วน Magic Keyboard สำหรับ iPad Pro จะวางจำหน่ายในราคาสำหรับนักศึกษาที่ 9,300 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 11,000 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว

iPadOS 13.4 พร้อมการรองรับแทร็คแพดจะเปิดให้ใช้งานในวันที่ 24 มีนาคมในรูปแบบของการอัพเดทซอฟต์แวร์ฟรีสำหรับ iPad Pro ทุกรุ่น, iPad Air® 2 และใหม่กว่า, iPad รุ่นที่ 5 และใหมกว่า และ iPad mini® 4 และใหม่กว่า

การรองรับแทร็คแพดจะสามารถใช้งานได้บน iPad ที่ใช้ iPadOS 13.4 และใช้งานได้กับ Magic Mouse® 2 ของ Apple รวมถึง Magic Trackpad® 2 และ Magic Keyboard สำหรับ iPad Pro และรองรับการเชื่อมต่อกับเมาส์ของบริษัทอื่นผ่านทาง Bluetooth หรือ USB ด้วย

Magic Keyboard สำหรับ iPad Pro จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมในราคา 4,490 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 6,590 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว โดยมีรูปแบบการจัดวางปุ่มให้เลือกมากกว่า 30 ภาษา เช่น จีนตัวย่อ ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และสเปน

เมื่อลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์จาก Apple ทางออนไลน์ ลูกค้าสามารถปรับแต่ง iPad และ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) ในแบบของตัวเองได้ด้วยบริการสลักข้อความฟรี
ลูกค้าสามารถขยายระยะเวลาการรับประกันแบบจำกัดด้วย AppleCare + และรับสิทธิพิเศษในการติดต่อกับฝ่ายบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน

ลูกค้าทุกคนที่ซื้อ iPad จาก Apple จะได้รับบริการตั้งค่าแบบส่วนตัวในร้านหรือทางออนไลน์ฟรี และรับคำแนะนำเพื่อช่วยปรับแต่ง iPad ให้เหมาะกับการใช้งานของตน การตั้งค่าอีเมล การค้นหาแอปฯ จาก App Store และอีกมากมาย

กองบรรณาธิการ AV Tech Guide

สื่อออนไลน์ที่มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีนวัตกรรมในกลุ่มสินค้าเครื่องเสียงไฮไฟ โฮมเธียเตอร์ ไอทีมัลติมีเดีย ตลอดจนสินค้านวัตกรรมอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ของผู้คนทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพ