รีวิว Kingston : XS2000 “External SSD พกพาที่มาพร้อมมาตรฐานเชื่อมต่อ USB 3.2 Gen 2×2”
สื่อบันทึกข้อมูลภายนอกแบบพกพาที่มีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลายในปัจจุบัน อาจตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วไปที่เพียงแค่ต้องการเก็บข้อมูลไฟล์เอกสาร, ไฟล์รูปภาพจากสมาร์ทโฟน ไฟล์เพลงหรือไฟล์วิดีโอที่มีความละเอียดไม่สูงมากได้เพียงพออยู่แล้ว
ใครต้องการที่มีความจุเยอะ ๆ ราคาย่อมเยาแต่อาจเทอะทะสักนิด และต้องคอยระวังการกระทบกระเทือนสักหน่อย ก็อาจมีทางเลือกเป็น External HDD พกพาขนาดกระเป๋าที่เชื่อมต่อด้วย USB 3
ส่วนใครที่ต้องการขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวกมากกว่า แต่ความจุอาจไม่มากนักหรือถ่ายโอนข้อมูลได้ไม่เร็วมาก ก็อาจเลือกใช้เป็นหน่วยความจำแบบโซลิดสเตทอย่างแฟลชไดร์ฟซึ่งปัจจุบันก็เชื่อมต่อได้หลากหลาย ทั้งกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการอะไรมากกว่านั้น เช่น คนที่ทำงานกับไฟล์ภาพหรือไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่มีรายละเอียดสูง ความเร็วและความจุเป็นเรื่องสำคัญทั้งคู่ และถ้าหากใช้งานได้สะดวกด้วยก็จะยิ่งตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น
ล่าสุด Kingston ได้เปิดตัว ‘Kingston XS2000’ (คิงสตัน เอกซ์เอส 2000) External SSD พกพาที่มาพร้อมมาตรฐานเชื่อมต่อ USB 3.2 Gen 2×2 ซึ่งคุยว่ามีความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลสูงสุดถึงระดับ 2,000MB/s มีขนาดเล็กกะทัดรัดและมีความจุสูงสุดให้เลือกใช้ถึง 2TB เลยทีเดียว
คุณสมบัติและการออกแบบ
Kingston XS2000 เป็น External SSD (Solid State Drive) ขนาดพกพาที่มีขนาดเพียง 69.54 x 32.58 x 13.5 mm และหนัก 28.9 กรัม เป็นไดร์ฟต่อพ่วงขนาดกะทัดรัดรุ่นใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพและความล้ำสมัย มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 2,000MB/s โดยอาศัยการเชื่อมต่อด้วยพอร์ต USB-C มาตรฐาน USB 3.2 Gen 2×2
ไดร์ฟรุ่นนี้ผลิตออกมาจำหน่ายใน 3 ขนาดความจุ คือ 500GB, 1TB และ 2TB โดยราคาตั้งราคาเอาไว้ที่ 3,690 บาท / 6,090 บาท และ 10,700 บาท ตามลำดับ
ด้วยความจุขนาดใหญ่และความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลทำให้ Kingston XS2000 สามารถถ่ายโอนและแก้ไขไฟล์ภาพความละเอียดสูง เช่น วิดีโอ 4K/8K หรือไฟล์เอกสารขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ External HDD และแฟลชไดร์ฟทั่วไป
ด้านกายภาพนอก นอกจากได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดและน้ำหนักเบาแล้ว Kingston XS2000 ยังได้รับการออกแบบให้สามารถกันน้ำและฝุ่นละอองได้ตามมาตรฐาน IP55 เพิ่มความมั่นใจในการพกพาใช้งานทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ได้อีกระดับหนึ่ง พร้อมการรับประกันแบบจำกัดเงื่อนไข 5 ปีพร้อมบริการทางเทคนิคฟรี*
[*การรับประกันแบบจำกัดเงื่อนไขครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือ “อายุการใช้งานที่เหลืออยู่” ของ SSD ตรวจสอบได้จาก Kingston SSD Manager (kingston.com/SSDManager) ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้งานจะแสดงค่าของส่วนแสดงการสึกหรอไว้ที่หนึ่งร้อย (100) ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ถึงเกณฑ์จำกัดความทนทานตามรอบการลบข้อมูลจะแสดงค่าส่วนแสดงการสึกหรอเป็นหนึ่ง (1) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก Kingston.com/wa]
แกะกล่องลองใช้งาน
เราพบว่าตัวจริงของ Kingston XS2000 นั้นมีขนาดใหญ่กว่าแฟลชไดร์ฟทั่วไปเล็กน้อยและมีน้ำหนักเบา พกใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงแล้วให้ความรู้สึกแทบไม่ต่างจากการพกแฟลชไดร์ฟทั่วไปเลย ความหนาก็ไม่ได้หนามากสามารถใส่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ได้สบาย ๆ
ในส่วนของดีไซน์ดูเรียบง่ายมีสไตล์เฉพาะตัว บอดี้หลักทำจากโลหะเนื้อเบาและพลาสติก งานประกอบแน่นหนาได้มาตรฐาน องค์ประกอบหลักภายนอกมีแค่พอร์ต USB-C และไฟแสดงผล LED สีฟ้าที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มาด้วยในกล่องก็มีสาย USB-C ความยาว 30 เซนติเมตร (แน่นอนว่าต้องรองรับมาตรฐาน USB 3.2 Gen 2×2) และปลอกยางซิลิโคนแบบถอดได้สำหรับห่อหุ้มตัวไดร์ฟเพื่อให้มีความทนทานต่อการกระทบกระทั่งมากขึ้น
Kingston XS2000 ตัวที่เรารีวิวนี้มีความจุ 1TB สำหรับอีกสองความจุที่มีจำหน่ายในเวลานี้คือ 500GB และ 2TB ทราบเบื้องต้นว่าทั้งหมดมีขนาดและน้ำหนัก หรืออุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มาด้วยไม่แตกต่างกัน
ในสภาพใหม่แกะกล่องพบว่าตัวไดร์ฟได้รับการฟอร์แมตมาพร้อมใช้แล้ว (exFat) ตามสเปคฯ ของผู้ผลิตแจ้งว่า Kingston XS2000 สามารถใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows® 10, Mac OS (v.10.14.x หรือใหม่กว่า), Linux (v. 2.6.x หรือใหม่กว่า) และ Chrome OS
จากการลองใช้งานเราพบว่า Kingston XS2000 สามารถใช้งานกับ Windows 11 ใน Acer Swift 5 (Intel Core i7 Gen 10), iPadOS ใน iPad Pro 11 นิ้ว (2020) และ Android 11 ใน Samsung Galaxy Note10+ ได้ด้วย (ได้ลองกับสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าอย่าง LG V30+ ที่เป็น Android 8 ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน) สามารถใช้ถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วกว่าแฟลชไดร์ฟ USB-C (USB 3) ทั่วไปที่เราเคยใช้งาน
อย่างไรก็ดี เมื่อเราทดสอบความเร็วของไดร์ฟด้วยอุปกรณ์ที่มีพบว่าตัวเลขความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลแม้ว่าเข้าขั้นดีมาก ดีกว่า External SSD หลายตัว แต่ก็ยังห่างไกลจากความเร็วที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ทดสอบด้วยอุปกรณ์ที่เป็นพอร์ต USB-C ที่เป็นสเปคฯ USB 3.2 Gen 2×2 โดยตรง
ซึ่งโดยสเปคฯ แล้ว USB 3.2 Gen 2×2 รองรับการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดในระดับ 20Gbps หรือเทียบเท่ากับ 2,500MB/s ดังนั้นการที่ทาง Kingston เคลมตัวเลขความเร็วมาที่ 2,000MB/s จึงไม่ได้เป็นตัวเลขที่เกินเลยความเป็นจริงแต่อย่างใด
ทว่าในการใช้งานจริง เราพบว่าหากว่าอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้เป็นพอร์ต USB 3.2 Gen 2×2 โดยตรง เช่น ใน Acer Swift 5 ซึ่งเป็น USB 3.1 (รองรับการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดในระดับ 10Gbps) ความเร็วสูงสุดของตัวไดร์ฟนั้นอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของสเปคฯ ที่แจ้งไว้
หรือแม้แต่ใน MacBook Pro M1 ซึ่งพอร์ต USB-C นั้นรองรับทั้งมาตรฐาน Thunderbolt 3 และ USB4 ซึ่งโดยสเปคฯ แล้วทั้งคู่รองรับการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดในระดับ 40Gbps ทว่าในการใช้งานจริงกับ Kingston XS2000 เราพบว่ามันเชื่อมต่อกันในโหมด USB 3.1 ซึ่งผลการทดสอบความเร็วโดยแอปฯ Blackmagic Disk Speed Test ก็ชัดเจนว่ามันถูกจำกัดความเร็วเอาไว้ที่ระดับความเร็วสูงสุดของ USB 3.1 เช่นกัน
ในขณะที่ปัจจุบันอุปกรณ์ที่เป็นพอร์ต USB 3.2 Gen 2×2 ยังมีออกมาไม่มาก ก็มีคำถามว่าเราจะได้ประโยชน์จาก Kingston XS2000 คุ้มค่าหรือไม่ ? หากมองกันที่สมรรถนะสูงสุดก็ต้องบอกว่าอาจมีคนเข้าถึงในส่วนนั้นยังไม่มากนัก และอาจต้องฝากไว้เป็นเรื่องของอนาคต
แต่ถ้าหากมองกันในแง่ของการใช้งานจริงเราพบว่า ความสะดวก ความง่าย ในการใช้งานไดร์ฟรุ่นนี้ได้กลายเป็นจุดเด่นที่สร้างความประทับใจได้เช่นกัน มันเป็นไดร์ฟที่เสียบใช้งานได้ทันทีกับอุปกรณ์หลากหลาย มันมีความเร็วในระดับที่เรียกว่าไม่ขี้เหร่เลย สามารถใช้งานได้อย่างไม่หงุดหงิดใจ มันเร็วกว่าโซลิดสเตทไดร์ฟภายนอกหลาย ๆ รุ่นทั้งที่เป็นแฟลชไดร์ฟหรือ External SSD มัน
มันยังสูสีหรือยังเร็วกว่า SSD ในคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปบางรุ่นโดยเฉพาะรุ่นที่ไม่ใช่ระดับไฮเอนด์ จากการทดสอบด้วยการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่อย่างไฟล์ไลบรารีของ Final Cut ที่มีขนาด 216.21GB จาก Kingston XS2000 มาไว้ที่ SSD ในตัว MacBook Pro M1 ซึ่งมีความเร็วอ่าน/เขียนข้อมูลประมาณ 2,800MB/s พบว่ามันใช้เวลาไปประมาณ 4 นาทีเท่านั้น
ต่อเนื่องกันเมื่อลองย้ายไฟล์เดียวกันนี้จาก SSD ในตัว MacBook Pro M1 ไปยัง Kingston XS2000 พบว่าใช้เวลาไปราว ๆ 16 นาที ในขณะเดียวกันตัว Kingston XS2000 นั้นก็มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นพอสมควร
เมื่อเราลองใช้กล่อง USB4 ของ Acasis ที่ภายในบรรจุ NVMe SSD WD BLACK SN750SE ทดสอบการถ่ายโอนไฟล์ด้วยเงื่อนไขเดียวกัน พบว่าใช้เวลาไป 1 นาที 30 วินาที และ 7 นาที ตามลำดับ ขณะที่ตัวไดร์ฟมีความร้อนสูงขึ้นมากกว่า
เมื่อลองใช้ Kingston XS2000 ถ่ายโอนไฟล์ขนาดเล็กลงคือประมาณ 1-5GB และเป็นไฟล์ข้อมูลที่มีความสลับซับซ้อนน้อยกว่า พบว่าใช้เวลาถ่ายโอนเพียง 2-3 วินาที จนถึงไม่เกิน 20 วินาที เท่านั้นเอง
และเมื่อใช้ตัวไดร์ฟ Kingston XS2000 ทำงานตัดต่อไฟล์วิดีโอ 4K ใน Final Cut โดยเก็บไลบรารีของ Final Cut เอาไว้ที่ตัว Kingston XS2000 โดยตรงก็พบว่าสามารถใช้ทำงานได้อย่างราบรื่น และมีความเสถียรตลอดการใช้งาน
เมื่อลองใช้ Kingston XS2000 บรรจุไฟล์เพลง lossless และ hi-res audio ไปจนเกือบเต็มความจุ พบว่าเมื่อใช้งานกับแอปฯ Roon การสแกนเพื่อสร้างไลบรารีรวมทั้งการเข้าถึงไฟล์ในไลบรารีทำได้รวดเร็วฉับไวกว่าไดร์ฟ USB 3 ที่ใช้ SATA SSD (ขนาด 1TB เหมือนกัน) อย่างชัดเจน ทำให้การใช้งานมีความลื่นไหลมากขึ้นทั้งที่จ่ายเงินไปพอ ๆ กัน
Kingston XS2000 เหมาะกับใคร ?
นี่คือไดร์ฟพกพาที่มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่างรวมอยู่ในตัวเดียวกัน เริ่มจากมันมีราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับความจุและสมรรถนะในการใช้งาน อย่างน้อยก็สำหรับผู้ใช้งานที่มีอุปกรณ์ที่เป็นพอร์ต USB-C ที่เป็น USB 3.1 ขึ้นไป
และถึงแม้ว่าในรีวิวนี้เรายังไม่มีโอกาสได้ลองใช้งานกับพอร์ต USB 3.2 Gen 2×2 แต่ก็น่าเชื่อว่าถ้าใช้งานกับพอร์ต USB 3.2 Gen 2×2 สมรรถนะของ Kingston XS2000 ในการถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลต้องเหนือกว่านี้แน่นอน อย่างไรก็ดี ต้องเรียนเน้นย้ำอีกครั้งว่า
ในรีวิวนี้ถึงจะยังใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพแต่สมรรถะที่ได้จากไดร์ฟรุ่นนี้ก็ทำให้เราประทับใจได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากขนาดและน้ำหนักที่พกพาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับแฟลชไดร์ฟแต่ความจุและความเร็วนั้นเหนือกว่าแฟลชไดร์ฟหลายเท่า
และอีกหนึ่งจุดเด่นที่เราประทับใจจนต้องหยิบมากล่าวถึงอีกครั้งตรงนี้ก็คือ การที่มันสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์หลากหลายแพลตฟอร์ม สำหรับคนทำงานในกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ผู้ใช้ระดับโปรหรือเซมิโปรที่ทำงานกับไฟล์ภาพ เสียง วิดีโอรายละเอียดสูง เวลาถ่ายโอนข้อมูลข้ามไปมาระหว่างแพลตฟอร์ม ไดร์ฟของคิงสตันรุ่นนี้มันตอบโจทย์มาก ๆ
หรือแม้แต่ผู้ใช้งานทั่วไป หากมองหาไดร์ฟเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูง มีความปลอดภัยเชื่อถือได้ Kingston XS2000 ก็ยังมีคุณสมบัติที่เข้าข่ายจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในงบประมาณที่ไม่หนักกระเป๋าจนเกินไปได้ด้วยเช่นกัน