รีวิว HyperX : Cloud Buds “หูฟังไร้สายเสียงหนักแน่นฟังสนุก ยืดเวลาความสุขด้วยแบตที่อึดกว่า”
HyperX ทำตลาดหูฟังเกมแบบฟูลไซส์มาแล้วทั้งแบบมีสายและแบบไร้สาย ล่าสุดทางแบรนด์ได้ทำหูฟังไร้สายราคาประหยัดรุ่นใหม่ออกมาในชื่อรุ่น ‘Cloud Buds’ เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาในราคา 2,190 บาท
คุณสมบัติและการออกแบบ
HyperX Cloud Buds มาในดีไซน์ของหูฟังไร้สายแบบ necklace หรือแบบคล้องคอ มีสีให้เลือกแค่สีเดียวคือโทนสีแดงและดำ ดูสปอร์ตร้อนแรงตามสไตล์แบรนด์ที่เน้นทำตลาด gaming gear จุกซิลิโคนเป็น Signature HyperX comfort ear tips ซึ่งเป็นดีไซน์เฉพาะของทางแบรนด์และมีให้มาด้วยกัน 3 ขนาดให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมของหูแต่ละคน
ด้านรายละเอียดทางเทคนิค หูฟัง HyperX Cloud Buds ใช้ไดรเวอร์แบบไดนามิกขนาด 14mm ซึ่งถือว่าขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับหูฟังดีไซน์อินเอียร์ทั่วไป เชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ซึ่งทางผู้ผลิตยืนยันว่ารองรับการเชื่อมต่อในระยะทางไกลถึง 20 เมตร นอกจากนั้นยังรองรับ Audio CODEC คุณภาพสูงทั้ง aptX และ aptX HD
ตัวหูฟังมีปุ่มควบคุมและไมโครโฟนในตัวสำหรับการสนทนา แบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้นาน 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มแต่ละรอบ โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 1.5-2 ชั่วโมง ผ่านพอร์ต USB-C ตัวหูฟังออกแบบให้มีน้ำหนักเบาเพียง 27.5 กรัม อุปกรณ์เสริมมาตรฐานที่ให้มาพร้อมหูฟังนอกจากจุกซิลิโคนให้เลือกเปลี่ยนแล้ว ยังมีสายชาร์จและถุงผ้าเนื้อนุ่มสำหรับเก็บหูฟังกับสายชาร์จให้มาด้วย
คุณภาพเสียงและการใช้งาน
HyperX Cloud Buds สามารถเชื่อมต่อใช้งานกับสมาร์ทโฟน (iOS/Android), แท็บเล็ต, แล็ปท็อป (Windows 10, macOS), DAP หรือสมาร์ททีวีได้ราบรื่นดี ใช้งานเวลาดูคลิป ดูวิดีโอ หรือเล่นเกม ไม่มีปัญหาภาพ/เสียงไม่ตรงกัน
ปุ่มควบคุมทั้งหมดและพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จไฟอยู่ที่สายเชื่อมต่อหูฟังด้านซ้าย โดยปุ่มเพาเวอร์และพอร์ต USB-C อยู่ที่โมดูลหนึ่ง ขณะที่ปุ่มควบคุมแบบ 3 ปุ่มและไมโครโฟนอยู่ที่อีกโมดูลหนึ่ง ตัวไมโครโฟนในหูฟังใช้งานได้ดี สุ้มเสียงชัดเจนดีไม่มีปัญหา
ปุ่มเพาเวอร์นอกจากใช้เปิด-ปิดหูฟังเมื่อกดค้างไว้แล้ว หากกดค้างไว้นาน ๆ ตอนเปิดจะเป็นการเข้าสู่โหมดจับคู่ (paring) หากกดหนึ่งครั้งในระหว่างการใช้งานจะเป็นการตรวจสอบระดับแบตเตอรี่ซึ่งเป็นบอกเป็นเสียงภาษาอังกฤษในหูฟัง สำหรับปุ่มควบคุมอีก 3 ปุ่มก็เป็นปุ่มควบคุมมาตรฐานทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มสั่งเล่นหรือหยุดเพลง ที่ใช้รับ/วางสายสนทนาได้ด้วย
จุกซิลิโคนที่มากับหูฟัง HyperX Cloud Buds ใส่ใช้งานได้กระชับดี แต่ใส่นาน ๆ อาจรู้สึกไม่ค่อยสบายหูได้เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะตัวเนื้อซิลิโคนที่ค่อนข้างแน่น ไม่ค่อยนุ่มมากเมื่อเทียบกับจุกซิลิโคนในหูฟังเอียร์บัดอื่น ๆ
เสียงที่ได้จากหูฟัง HyperX Cloud Buds มีลักษณะเปิดเผย มิติเสียงกว้างขวางแยกมิติซ้าย/ขวาได้กระจ่างชัดดี เนื้อเสียงในภาพรวมมีความอิ่มหนาและอิมแพ็คเสียงทุ้มค่อนข้างเด่นทำให้มวลรวมของเสียงฟังสนุกติดหูง่าย เสียงในย่านกลางและแหลมมีลักษณะสด ชัดเน้นรายละเอียดความคมชัดมากกว่าความนวลเนียนลื่นไหล
เหมาะมากเวลาใช้ฟังเพลงสมัยใหม่ที่เน้นบีทและความสนุกคึกคัก หรือใช้เล่นเกม ใช้ดูหนังที่มีเสียงเอฟเฟ็คต์ล้ำ ๆ ก็เข้ากันได้ดี โดยเฉพาะแนวแอคชันที่มีเสียงระเบิด เสียงยิงปืน หรือเสียงเครื่องยนต์ก็กระหึ่มเร้าใจได้อารมณ์ดีไม่มีเสียอรรถรส
เมื่อเทียบกับ HUAWEI Freelace Pro (ราคา 2,999 บาท) ซึ่งมีฟีเจอร์มากกว่า มีสีให้เลือกมากกว่า และใช้ไดรเวอร์ขนาดเท่ากัน พบว่า Freelace Pro ให้เสียงที่กระหึ่มหนักแน่นกว่า Cloud Buds ในย่านเสียงทุ้มลึก ขณะที่สมดุลเสียงในภาพรวมของ Freelace Pro มีลักษณะเปิดเผยเช่นกัน แต่โทนเสียงในย่านเสียงกลางและแหลมมีลักษณะนุ่มนวลผ่อนปรนกว่าแมตช์กับ source ต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าโดยเฉพาะสตรีมมิงที่ไม่ได้เน้นคุณภาพเสียงมากนัก
ขณะที่เสียงจากหูฟัง Cloud Buds มีลักษณะเปิดเผยคุณภาพของแหล่งสัญญาณมากกว่า มีความสดใส ชัดเจน เหมาะกับคนที่ต้องการหูฟังที่ให้เสียงชัด ๆ ใส ๆ แต่เสียงไม่บางไม่เจี๊ยวจ๊าว โฉ่งฉ่างจนเกินงาม
HyperX Cloud Buds เหมาะกับใคร ?
HyperX Cloud Buds เป็นหูฟังที่ให้เสียงฟังสนุก กระหึ่มเวลาใช้เล่นเกมหรือดูหนัง แบตถือว่าทนทานใช้ได้ ดูซีรีส์หรือเล่นเกมยาว ๆ ไม่มีปัญหาเลย การเชื่อมต่อใช้งาน ฟังก์ชันต่าง ๆ ใช้งานได้ดี ใช้งานง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน
ใครที่มองหาหูฟังคู่ใจที่ใช้งานง่าย ราคาไม่แพงพกพาสะดวก หูฟังรุ่นนี้จัดว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในระดับราคา 2-3 พันบาท แต่อาจจะยังไม่ใช่หูฟังสำหรับทุกคน แนะนำให้หาโอกาสทดลองฟังก่อนตัดสินใจ โดยเฉพาะทดลองใช้งานกับอุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่น่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด
จัดจำหน่ายโดย
HyperX
ราคา 2,190 บาท (รับประกัน 2 ปี)