รักเราไม่เก่าเลย… ของขวัญปีใหม่ EMUI 9.0
ในยุคหนึ่งเราอาจเคยแบ่งแยกความล้ำสมัยด้วยคำว่าอะนาล็อกและดิจิทัล แต่เมื่อเป็นยุคเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยกันแล้ว เราจะแบ่งแยกความล้ำสมัยด้วยอะไร?
ที่ผ่านมาผมมักบอกเสมอว่า อุปกรณ์ดิจิทัลสมัยใหม่หลายรุ่นนั้นมีความน่าทึ่งอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือ มันไม่ได้นับวันล้าสมัยตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวเสมอไป เพราะว่าหลายรุ่นแม้ว่าจะเปิดตัวไปหลายเดือน หรือเป็นปี ๆ แล้ว ก็ยังสามารถอัปเกรดหรืออัปเดตระบบซอฟต์แวร์ในการทำงานให้สดใหม่ทันสมัยอยู่เสมอ
เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ดิจิทัลสมัยใหม่แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนเป็นอะไรที่ใกล้ตัวมาก หลายคนบอกว่ายุคนี้การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องเป็นอะไรที่ตัดสินใจยากพอ ๆ กับการเลือกคู่เลย แม้จะฟังดูโอเวอร์นิด ๆ แต่ในบางแง่มุมมันก็น่าคิดอยู่นะครับ
วันแรกที่เราถอยเครื่องมาใหม่ อะไร ๆ มันก็ดูดี หยิบมาเปิดดู มาเล่น คลุกคลีกันทั้งวัน (บ้าเห่อนั่นแหละ) แต่พอเวลาผ่านไปสัก 5-6 เดือน พอเราเกิดความคุ้นชินความตื่นเต้นมันก็ลดลงไปตามลำดับ ผ่านไปสักปี เห็นรุ่นใหม่เปิดตัว เจ้าเครื่องเก่าของเรานอกจากจะไม่ทำให้ตื่นเต้นแล้วบางครั้งยังทำให้หงุดหงิดอีกต่างหาก
“ทำไมมันดูน่าเบื่ออย่างนี้”
“ทำไมมันเชื่องช้าน่ารำคาญ”
“ทำไมมันไม่อะไรใหม่ ๆ น่าตื่นเต้นเหมือนรุ่นที่เพิ่งออกเลยนะ”
.
“อยากเปลี่ยนเครื่องใหม่ว้อย!”
แต่เดี๋ยวก่อน…! ใครที่กำลังรู้สึกอย่างนั้น หายใจลึก ๆ แล้วตั้งสติก่อนครับ โดยเฉพาะคนที่ใช้สมาร์ทโฟนยี่ห้อหัวเว่ย ‘Huawei’ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ผมทราบมาว่าทางหัวเว่ยเขาจะปล่อยอัปเดต “EMUI 9.0 (Android P)” ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดที่มีใช้งานอยู่ในรุ่นเรือธง Mate 20 Series ของเขา ให้สามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าอย่าง Mate 10 Series และ P20 Series ด้วย
นั่นหมายความว่าคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นเหล่านั้นอยู่ จะได้ใช้งานเทคโนโลยี AI (AI self-learning algorithms) ที่เพิ่มฟีเจอร์ล้ำ ๆ มาหลายอย่างเหมือนกับผู้ที่ใช้รุ่น Mate 20 Series โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แค่นั่งรอให้เขาปล่อยตัวอัปเดตมาเท่านั้นเอง
อู้ววว… ลำพังรุ่น P20 Series ผมยังไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนะครับ เพราะมันเพิ่งออกมาเมื่อต้นปีนี้เอง แต่กับ Mate 10 Series ที่ออกมาปีกว่า ๆ แล้ว ก็ได้ด้วยเหมือนกันเหรอนี่?! (บอกเลยว่าบางยี่ห้อถูกลอยแพไปตั้งแต่ 6 เดือนแรกแล้วนะ)
ผมไม่สามารถเก็บเรื่องนี้ให้รู้อยู่คนเดียวได้หรอกครับ หลังจากไปบอกน้องสาวที่ใช้รุ่น Mate 10 Pro อยู่ ไปบอกรุ่นน้องที่ออฟฟิสจีเอ็มซึ่งเมื่อกลางปีเธอเพิ่งย้ายค่ายเปลี่ยนมาใช้รุ่น P20 เพราะว่าชอบถ่ายรูป ก็นึกได้ว่าต้องเอามาบอกต่อคุณผู้อ่านที่เป็นแฟนของ GM2000 ด้วยครับ เดี๋ยวจะหาว่ารู้อะไรดี ๆ แล้วไม่มาบอกกัน
#สายเที่ยว
หลังจากนั่งศึกษาว่าถ้าอัปเดต EMUI 9.0 แล้ว มันจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง ผมก็ฟันธงเลยว่ามันเกิดมาเพื่อให้เราก้าวออกไปใช้ชีวิตในโลกกว้าง ไปเปิดโลกใบใหม่ พาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่เราเคยแต่มองมันจากรูปภาพ
“แค่อัปเดตสมาร์ทโฟนเนี่ยนะ?…”
ใช่แล้วครับ… คุณเคยเป็นเหมือนผมไหมล่ะครับ ที่คิดว่าอยากไปเที่ยวแบบแบ็คแพ็คในที่ที่ไม่ได้ถูกจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพสำหรับนักท่องเที่ยว ไปกินสตรีทฟู้ดในต่างประเทศแบบที่คนท้องถิ่นเขากินกัน ไปนอนโฮมสเตย์เล็ก ๆ ที่มีสปาหรือบ่อน้ำพุร้อนแบบบ้าน ๆ ฯลฯ
แต่พอนึกว่าจะสื่อสารกับเขายังไง เพราะร้านหรือสถานที่สำหรับคนท้องถิ่นจริง ๆ หลายประเทศเขาไม่พูดภาษาอังกฤษ จะเดินทางยังไงไม่ให้หลงทาง เพราะบางที่ป้ายบอกทาง ป้ายชื่อต่าง ๆ หลายที่เขาก็ไม่ทำเป็นภาษาอังกฤษ
หลายคนหาทางออกด้วยการว่าจ้างไกด์ท้องถิ่น ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีแต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แถมยังไม่เป็นส่วนตัวอีก
คุณสมบัติข้อหนึ่งของ EMUI 9.0 ที่ทางหัวเว่ยเขาเพิ่มเข้ามาก็คือ AI Translator ที่เขาบอกว่าแค่เปิดกล้องสมาร์ทโฟนแล้วส่องไปที่ป้ายบอกทาง บอกสถานที่ หรือส่องไปที่เมนูอาหาร มันก็จะช่วยแปลภาษาต่างประเทศที่เราอ่านไม่ออกแบบเรียลไทม์ เหมือนว่าเรามีไกด์ท้องถิ่นพกติดตัวไปด้วย แต่ไม่ต้องจ้าง และไม่มีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัว #สบายจังตังค์อยู่ครบ
แน่นอนว่าเวลาไปเที่ยวที่เจ๋ง ๆ นอกจากต้องพกมือถือกล้องเทพไปเก็บภาพมาขิง (อวด) เพื่อน ๆ ในโลกโซเชียล คนทำงานสื่ออย่างผมมีแต่รูปมาอวดอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ เดี๋ยวเขาจะหาว่าแค่ไปชะโงกทัวร์เช็คอินแล้วกลับหรือเปล่า ไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของที่นั่นหรอก
ดังนั้นจะขิงกันทั้งที ก็ต้องระดับขิงแก่ให้มันสุด ๆ กันไป ที่ผ่านมาผมก็ต้องไปหาประวัติเจ๋ง ๆ คูล ๆ ของสถานที่นั้นมาเล่าเรื่องประกอบภาพไปด้วย เรียกว่าแค่รูปสวยอย่างเดียวยังไม่พอแค็ปชันต้องทำงานด้วย
ที่ผ่านมาผมก็อาศัยถามเอาจากคนท้องถิ่นหรือไม่ก็เปิด google เอา ผิดบ้างถูกบ้างปะปนกันไป แต่หัวเว่ยเขาบอกว่าฟีเจอร์ที่ชื่อ HiVision ของเขานี่มันแสนรู้มาก อยากรู้ว่าแลนด์มาร์กหรือจุดชมวิวตรงหน้ามีชื่อว่าอะไร และมีประวัติความเป็นมาอะไรบ้าง แค่ยกกล้องสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่องก็ได้ข้อมูลแล้ว … เฮ้ยจริงดิ!
ฟีเจอร์สำหรับสายเที่ยวยังไม่หมดนะครับ โดยเฉพาะสาว ๆ ล้อมวงเข้ามาฟังเลยครับ เวลาเราไปเจอของที่อยากได้สิ่งแรกที่เราคิดคืออะไรครับ?
ราคานี่ถูกหรือยังนะ? แล้วเทียบกับที่ขายออนไลน์ล่ะ? ไม่อย่างนั้นอุตส่าห์ลงทุนหิ้วกลับบ้านไปแล้ว ไปเจอว่าออนไลน์ขายถูกกว่ามันจะเจ็บกระดองใจเสียเปล่า ๆ
ว่าแล้วก็ให้ยกกล้องสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่องอีกครับ ฟีเจอร์ HiTouch ของ EMUI 9.0 บอกว่าให้คลิกค้างที่รูปสินค้าได้เลยเพื่อดูข้อมูลและราคา แถมยังสามารถลิ้งก์เข้าไปดูที่เว็บ e-Commerce ชั้นนำได้ด้วย แหม่… ผมล่ะนับถือคนออกแบบ EMUI 9.0 เลยครับ ช่างรู้ใจหนุ่มสาวขาช็อปฯ จริง ๆ
#สายเฮลตี้
เอาล่ะครับ ไปเที่ยวไปกินเต็มที่แล้ว ก็ต้องกลับมาใช้กรรม เอ้ย กลับมาดูแลตัวเอง ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ผมให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหารการกินมาเป็นอันดับหนึ่งครับ ภาษิตฝรั่งเขาว่า you are what you eat
ที่ผ่านมาหลายคน (ตัวผมเองด้วย) ก็บ่นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่เราจะรู้ว่าอาหารแต่ละอย่างมีปริมาณแคลอรีมากน้อยแค่ไหน ประเภทอาหารแบล็คลิสต์สำหรับสายเฮลตี้อย่างพวกของมัน ของทอด หรือ junk food ไม่ต้องไปพูดถึง อันนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องห้าม
แต่อาหารบางอย่างที่ไม่มีฉลากโภชนาการแปะมาด้วย หรืออาหารที่ดูเหมือนจะ clean แต่แอบ dirty ล่ะ เราจะรู้ได้ยังไงถ้าไม่ได้ร่ำเรียนมาแบบโภชนากร นี่แหละครับหนึ่งใน pain point ของสายเฮลตี้หรือคนที่ตั้งใจจะกินคลีนหลาย ๆ คน
AI Calories เป็นฟีเจอร์หนึ่งใน EMUI 9.0 ของหัวเว่ยที่ผมประทับใจมาตั้งแต่ตอนที่เขาเปิดตัว Mate 20 Series นั่นคือ การที่เราแค่เปิดกล้องสมาร์ทโฟนมาสแกนแล้วรู้ว่าของกินที่อยู่ตรงหน้ามันมีแคลอรีเท่าไร มันเป็นอะไรที่ดีมาก ถูกใจมากจริง ๆ ครับ
ตอนเขาเปิดตัวครั้งแรก ผมในใจคิดเลยว่าถ้าข้อมูลมันจะมีเพี้ยนบ้างก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตเพราะไม่ได้เอาไปทำงานวิจัย แค่เอาเป็นไกด์เตือนสติก่อนจะเอาอะไรใส่ปาก แค่นี้ก็ดีงามแล้ว แค่นี้ก็เหมือนเรามีโภชนากรส่วนตัวที่คอยตามเราไปทุกที่ และคอยเตือนเราว่า “ไม่เอานะ อ้วนนะ เซลลูไลต์นะ…” ฮ่า ๆ คราวนี้ถ้ายังไม่ผอมอีก ก็ไม่ต้องโทษใครแล้วล่ะครับ
#WorkLifeBalance
ในฐานะของคนทำงานที่มีชีวิตคาบเกี่ยวอยู่ในระหว่างคนเจนเนอเรชันเก่าและใหม่ หลักคิดเรื่องหนึ่งที่ผมว่าดีมาก ๆ ก็คือ Work Life Balance หรือการจัดสมดุลชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งเวลาให้เหมาะสม work hard/play hard เวลาไหนควรมุ่งมั่นกับงาน เวลาไหนควรให้รางวัลตัวเอง
แต่จากประสบการณ์ของผม หลักคิดนี้จะเป็นจริงได้องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือ การ work hard/play hard ที่มีประสิทธิภาพ งานเราจะสำเร็จได้อย่างไรถ้าเปิดอีเมลทีหนึ่งต้องรอโหลดไฟล์แนบนาน ๆ จะเตรียมเอกสารพรีเซ็นต์ในที่ประชุมสักครั้งต้องวิ่งหาอุปกรณ์มาเชื่อมต่อให้วุ่นวายเสียเวลา
ตัวช่วยหนึ่งใน EMUI 9.0 น่าจะตอบโจทย์มนุษยเงินเดือนอย่างเราได้ดีมาก เพราะเขาบอกว่าเราสามารถเซฟไฟล์ลงสมาร์ทโฟน แล้วเอาไปแชร์พรีเซนเทชั่นขึ้นจอในห้องประชุมได้ แถมในระหว่างการประชุมยังสามารถจดโน้ต หรือบันทึกภาพหน้าจอไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย
อ้อ… อีกเรื่องที่หัวเว่ยทำการบ้านมาดีมากก็คือ หากในระหว่างการพรีเซ็นต์แล้วมีสายเรียกเข้า หรือมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามาที่สมาร์ทโฟนของเรา ข้อความเหล่านั้นจะปรากฎแค่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนของเราเท่านั้น ไม่ถูกเอาไปโชว์บนหน้าจอที่กำลังพรีเซ็นต์อยู่ เพื่อช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของเรา โอ้โห… เข้าใจคิดจริง ๆ ครับ อยากได้แบบนี้มาตั้งนานแล้ว
สำหรับคนทำงานที่มีการพรีเซ็นต์สินค้าหรือตัวอย่างงาน ฟีเจอร์หนึ่งใน EMUI 9.0 ที่ผมว่าดีมากคือ 3D Live Object Modeling ที่ออกแบบมาให้เราสามารถใช้กล้องสแกนวัตถุสิ่งของด้วย 3D Depth Sensing Camera เพื่อสร้างเป็นแบบจำลอง AI Live ตรงนี้นอกจากจะเอาไปใช้เล่นขำ ๆ กับเพื่อน คนรู้ใจหรือคนรอบข้างได้แล้ว บางครั้งถ้าเรารู้จักนำไปประยุกต์ใช้กับงานก็อาจทำให้การนำเสนองานของเราดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็ได้ครับ
สำหรับคนทำงานที่ไม่ได้มีเลขาส่วนตัว ฟีเจอร์ Digital Balance ใน EMUI 9.0 จะช่วยบริหารเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนในแต่ละวัน ว่าในหนึ่งวันเปิดแอปพลิเคชั่นใดบ้าง เปิดนานแค่ไหน โดยผู้ใช้สามารถจำกัดเวลาการใช้แอปฯ บางแอปฯ ได้ด้วย
ตรงนี้แนะนำท่านที่เป็นผู้ปกครองสามารถนำไปประยุกต์ใช้จำกัดเวลาการเล่นสมาร์ทโฟนของบุตรหลานได้แบบเนียน ๆ เลยนะครับ นอกจากนั้นตัวสมาร์ทโฟนยังสามารถเปลี่ยนหน้าจอเป็นสีเทาเพื่อเตือนว่าได้เวลาเข้านอนแล้วได้อีกต่างหาก
ภายหลังเสร็จจากหน้าที่การงานในแต่ละวันแล้วเมื่อถึงเวลาส่วนตัว เทคโนโลยี GPU Turbo 2.0 ใน EMUI 9.0 ออกแบบมาให้สายเกม เล่นเกมได้มันขึ้นกว่าเดิม ลื่นไหลกว่าเดิมและยังมีระบบช่วยควบคุมอุณหภูมิของเครื่องไม่ให้เครื่องร้อนเวลาเราเล่นเกมจนเพลิน แน่นอนว่าพอเครื่องไม่ร้อนมันก็จะทนและอยู่กับเราได้นานมากขึ้นไปอีก
EMUI 9.0 ของดีที่ห้ามพลาด!
ผมว่าหลายคนคงคิดแล้วว่าหัวเว่ยกำลังทำอะไรสวนทางกับยี่ห้ออื่นหรือเปล่า เป็นบางยี่ห้อเขาคงไม่เสียเวลามานั่งอัปเกรดให้รุ่นเก่าหรอก… ใช้แล้วรู้สึกเก่าเหรอ ช้าลงเหรอ ก็ไปจ่ายเงินซื้อรุ่นใหม่สิ
นั่นสิครับ! ก่อนหน้านี้ผมทราบแต่เพียงว่าหัวเว่ยเป็นยี่ห้อที่พยายามจะนำเสนอว่าสมาร์ทโฟนของพวกเขา เมื่อใช้งานไปนาน ๆ แล้ว มันจะไม่ช้าลงไปเรื่อย ๆ เหมือนสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่โดยเฉพาะทางฝั่งแอนดรอยด์
แต่การอัปเดต EMUI 9.0 คราวนี้มันไม่ใช่แค่ ‘ไม่ช้าลง’ แล้วสิครับ แต่มันจะมี UI / UX ที่สวยและลื่นขึ้น รองรับการใช้งานแบบปัดนิ้วแล้วแตะ แทนการกดปุ่มโฮมได้ แถมประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมเขาว่ายังจะเร็วขึ้นด้วยต่างหากครับ
จากข้อมูลเท่าที่ผมทราบ ทางเทคนิคเขาบอกว่าเมื่ออัปเดต EMUI 9.0 แล้วสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าของเราจะเร็วขึ้นอีก 12.9% ในภาพรวม เวลาเปิดแอปฯ อย่าง Instagram มันจะเปิดได้เร็วขึ้น 12% และเปิดแอปฯ Spotify ได้เร็วขึ้น 11% ยังไม่นับแอปพลิเคชั่นอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ยกตัวอย่างในที่นี้
ปัจจุบัน EMUI 9.0 มีใช้งานอยู่แล้วในสมาร์ทโฟน Huawei Mate 20 Series (Mate 20, Mate 20x, Mate 20 Pro) สำหรับผู้ที่ใช้งาน Huawei P20 Series และ Huawei Mate 10 Pro เตรียมอัปเดต EMUI 9.0 ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้