fbpx
KNOWLEDGERECOMMENDED

หน่วย Nits และ Lumens คืออะไร ? เหตุใดจึงมีความสำคัญกับคุณภาพของจอแสดงผล

หากว่าคุณเคยอ่านรีวิวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มทีวี สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือโปรเจ๊กเตอร์ บ่อยครั้งคงได้พบคำว่า “nits” และ “lumens” ในส่วนข้อมูลรายละเอียดทางเทคนิค ข้อมูลดังกล่าวใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเปรียบเทียบข้อมูลจำเพาะระหว่างผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่น สิ่งสำคัญคือเราอาจจำเป็นต้องรู้ว่าคำศัพท์เหล่านี้หมายถึงอะไร และมีบทบาทอย่างไรต่อการทำงานของจอแสดงผลประเภทต่าง ๆ

Nits คืออะไร ?
Nits (นิต) ถูกใช้โดยเฉพาะเมื่อเราพูดถึงทีวีและอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เป็นหน่วยวัดที่เกี่ยวข้องกับระดับความสว่างของแสงที่มองเห็นได้ (ความส่องสว่าง) ภายในพื้นที่เฉพาะ

หน่วย Nits ถูกใช้เทียบเท่ากับแสงจากแท่งเทียนต่อพื้นที่ตารางเมตร หมายความว่าจอแสดงผลที่มีระดับความสว่าง 600 นิตนั้นเทียบเท่ากับแสงที่เปล่งออกมาจากเทียน 600 เล่มในพื้นที่หนึ่งตารางเมตร

คุณอาจเคยเจอคำว่า candela (แคนเดลา) คำว่า nits และ candela นั้นเป็นคำที่สามารถใช้แทนกันได้ โดยนิตนั้นทำหน้าที่เป็นแทนค่า ‘แคนเดลาต่อหนึ่งตารางเมตร’ โดยปัจจุบัน ‘นิต’ กลายเป็นคำมาตรฐานในโลกของจอแสดงผล ดังนั้นคุณจึงไม่น่าจะเห็นหน้าจอทีวีหรือสมาร์ทโฟนบอกสเปคฯ ด้วยคำว่า แคนเดลา

Nits นั้นสำคัญไฉน ?
โดยพื้นฐานแล้ว นิต คือหน่วยที่ใช้วัดความสว่างของหน้าจอ ความสว่างมีบทบาทสำคัญในการมองเห็นของจอแสดงผล รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการรับชมเนื้อหาแบบ HDR หรือ High Dynamic Range

ทั่วไปแล้ว ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์นั้นได้รับการควบคุมให้ต้นฉบับมีความสว่างอย่างน้อย 400 nits แต่หลายรายการก็ทำต้นฉบับมาที่ความสว่าง 1,000 nits ซึ่งถือว่าสูงกว่ามาตรฐานมาก อันที่จริงมีภาพยนตร์บางเรื่องที่ได้รับการทำมาสเตอร์มาที่ระดับสูงถึง 4,000 nits

ท้ายที่สุดแล้ว จอแสดงผลใด ๆ ที่ไม่สว่างอย่างน้อยเท่ากับระดับความสว่างสูงสุดของภาพยนตร์ จะไม่สามารถแสดงผลได้อย่างที่ตั้งใจไว้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะใช้การประมวลผลที่ชาญฉลาดเพื่อให้ได้ความสว่างสูงสุดเท่าที่ทำได้ก็ตาม

What you shoud know about Nits and Lumens why are they important for your TV or projector

ในขณะที่ความสว่างระดับ 400 nits นั้นถือได้ว่าเป็น HDR แล้วในทางเทคนิค แต่โดยทั่วไปแล้วคุณต้องการทีวีที่มีความสว่างมากกว่า 600 Nits หากคุณต้องการรับชม HDR ให้เข้าถึงประสบการณ์ที่แท้จริง

อย่างไรก็ดีหากเป็นไปได้คุณควรเลือกใช้ทีวี HDR ระดับพรีเมียมที่สามารถให้ความสว่างได้ถึง 1,000 nits หรือมากกว่า เนื่องจากเป็นระดับความสว่างสูงสุดทั่วไปสำหรับภาพยนตร์ HDR บนบริการสตรีมมิ่งและ 4K Blu-ray

หนึ่งในทีวีที่ดีที่สุดในระดับนั้นคือ LG G2 ซึ่งสามารถเข้าถึงความสว่างในระดับนั้น แต่ยังรวมเข้ากับสีดำที่สมบูรณ์แบบเนื่องจากใช้แผงจอแสดงผลแบบ OLED

ขณะที่ทีวีที่มีระดับความสว่างสูงมากกว่านั้นกำลังจะมาในเร็ว ๆ นี้ เช่น LG OLED G3 และ Panasonic MZ2000 ที่ใช้เทคโนโลยี Micro Lens Array (MLA) เพื่อให้ได้ความสว่างสูงมากตั้งแต่ 1,500 ถึง 2,000 Nits สิ่งนี้มีผล (ทางบวก) อย่างแน่นอนเมื่อใช้ระบบภาพแบบ HDR ที่ใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือควรพึงระลึกว่า nits ที่มากขึ้นไม่ได้หมายความว่าภาพจะดีขึ้นโดยอัตโนมัติ เนื่องจากความสว่างที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้คุณลักษณะของภาพด้านอื่น ๆ เสียไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่น OLED มาตรฐาน ที่มีเรื่องความเข้นข้นของสีสันเป็นเดิมพัน โดยเนื้อหาที่สว่างกว่าอาจได้รับแสงมากเกินไปและทำให้สีสันจืดจางลงไป เนื่องจากองค์ประกอบของ OLED สีขาวที่สว่างที่สุดจะมีอิทธิพลเหนือส่วนของ OLED ที่มีความสว่างของสีน้อยกว่า

สำหรับทีวีหรือจอแสดงผลที่ต้องอาศัยแสงสว่างจากระบบไฟส่องหลัง (LCD TV, LED TV) ความสว่างที่เพิ่มขึ้นอาจมีผลกระทบในทางลบต่อความลึกของสีดำ เนื่องจากการเพิ่มความสว่างไปยังบางส่วนของภาพ ส่งผลให้แสงส่องนั้นเล็ดลอดเข้ามาในพื้นที่ที่ควรมืด

Lumen คืออะไร ?
Lumen (ลูเมน) หมายถึงปริมาณแสงที่ปล่อยออกมาโดยตรงจากแหล่งกำเนิด เช่น หลอดไฟ ในขอบเขตของอุตสาหกรรมภาพและเสียง หน่วย ‘ลูเมน’ นั้นเชื่อมโยงกับโปรเจ็กเตอร์หรือเครื่องฉายซึ่งใช้แหล่งกำเนิดแสงในการขับเคลื่อนภาพ ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟแบบดั้งเดิมหรือหลอดไฟแบบเลเซอร์ จำนวนลูเมนที่สูงขึ้นหมายถึงแหล่งกำเนิดแสงมีความสว่างมากขึ้น ดังนั้นภาพที่ได้จึงมีความสว่างมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ในโลกของโปรเจ็กเตอร์ คุณอาจพบคำว่า ‘ANSI lumens’ ซึ่งย่อมาจาก American National Standards Institute ซึ่งหมายถึงระบบการวัดลูเมนที่แม่นยำยิ่งขึ้นโดยการรวมตัวแปรปลีกย่อยต่าง ๆ เข้าไปด้วย แม้ว่าตัวเลขทั้งสองอาจไม่แสดงในข้อมูลจำเพาะของโปรเจ็กเตอร์ทุกรุ่น แต่เป็นที่ยอมรับกันว่า ANSI lumens มีความแม่นยำมากกว่า

คำแนะนำคร่าว ๆ ในการหาค่า ANSI lumen จากค่า lumen ปกติคือให้หารจำนวน Lumen ด้วย 2.4 เช่น 3,000 LED lumens / 2.4 = 1,250 ANSI lumens

What you shoud know about Nits and Lumens why are they important for your TV or projector

ทำไมลูเมนจึงมีความสำคัญ ?
โปรเจ็กเตอร์ทำงานแตกต่างจากทีวีมาก โดยแสงที่ผลิตขึ้นจากแหล่งกำเนิดจะสะท้อนจากพื้นผิวแทนที่จะถูกปล่อยออกมาโดยตรงจากหน้าจอ ดังนั้น แหล่งกำเนิดแสงจึงต้องสว่างเพียงพอเพื่อให้มองเห็นได้ในสภาวะต่าง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของโปรเจ็กเตอร์และการวางตำแหน่ง

โดยปกติแล้วโปรเจ็กเตอร์จะทำงานได้ดีที่สุดในห้องมืด ยกตัวอย่างในโรงภาพยนตร์ที่ต้องควบคุมความสว่างแวดล้อม เนื่องจากทั้งแสงธรรมชาติและแสงจากภายนอกอาจทำให้เกิดปัญหาในการมองเห็นได้
โปรเจ็กเตอร์โฮมเธียเตอร์ควรให้ความสว่างอย่างน้อย 1,000 lumens เป็นอย่างต่ำ สำหรับโปรเจ็กเตอร์คุณภาพดีมักจะให้ความสว่างอยู่ที่ประมาณ 1,500 ถึง 2,000 lumens ขณะที่โปรเจ็กเตอร์ระดับชั้นนำ เช่น VPL XW-7000ES ของ Sony ให้เอาต์พุตที่มากกว่า 3,000 lumens เพื่อสร้างภาพที่สว่างสดใสและคมชัด

โปรเจ็กเตอร์บางรุ่นสามารถให้ความสว่างได้มากถึง 4,000 lumens แต่มักมีไว้สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ ซึ่งหมายความว่าอาจไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบโฮมเธียเตอร์ที่บ้าน มันถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในสำนักงานขนาดใหญ่หรือพื้นที่อเนกประสงค์ในช่วงเวลากลางวันเพื่อการใช้งานทางธุรกิจ ไม่ใช่สำหรับการชมภาพยนตร์และรายการทีวีที่บ้าน

เช่นเดียวกับ nits ค่า lumens ที่สูงขึ้นไม่ได้หมายความว่าภาพจะดีขึ้นเสมอไป เนื่องจากความสว่างที่มากเกินไปอาจทำให้ระดับความเข้มข้นของสีลดลง ระดับสีดำลดลง และส่งผลต่อคอนทราสต์ของภาพด้วย

ความแตกต่างระหว่าง Lumens กับ Nits ?
ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Lumens กับ Nits ทั้งสองหน่วยนี้ใช้แสดงถึงปริมาณความสว่างที่แตกต่างกัน โดยหนึ่ง nit มีค่าประมาณ 3.426 lumens ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเปรียบเทียบความสว่างของโปรเจคเตอร์และทีวีได้โดยการคูณหรือหารตามแต่ละกรณี ตัวอย่างเช่น:

ทีวีที่มีความสว่าง 900 nits ปล่อยแสงเท่ากับโปรเจคเตอร์ที่มีความสว่าง 900 x 3.426 = 3,083.4 lumens เมื่ออ้างอิงกับผลิตภัณฑ์จริง

ด้วยวิธีการคิดคำนวณดังกล่าวทำให้ทีวีอย่าง LG OLED65G2 ซึ่งมีความสว่างประมาณ 900 – 1,000 nits มีค่าความสว่างเทียบเท่ากับโปรเจ็กเตอร์ Sony VPL-XW7000ES ซึ่งมีความสว่าง 3,200 lumens


ที่มา: whathifi

กองบรรณาธิการ AV Tech Guide

สื่อออนไลน์ที่มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีนวัตกรรมในกลุ่มสินค้าเครื่องเสียงไฮไฟ โฮมเธียเตอร์ ไอทีมัลติมีเดีย ตลอดจนสินค้านวัตกรรมอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ของผู้คนทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพ