fbpx
RECOMMENDEDREVIEW

รีวิว SOUL : S-TRACK, S-TRON “ดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย ให้เสียงดีคุ้มค่า ราคาสบายกระเป๋า”

หูฟังไร้สายยี่ห้อโซล (SOUL) นั้นเป็นแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้สักพักหนึ่งแล้ว และมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกวางตลาดอย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดได้ส่งหูฟังไร้สายน้องใหม่ออกมาในช่วงปลายปีที่แล้วถึงสามรุ่น สองในสามรุ่นนั้นคือหูฟังประเภท true wireless ที่ชูจุดเด่นว่ามาพร้อมกับน้ำเสียงที่เป็นลายเซ็นของโซลเอง ทว่าค่าตัวอยู่ในระดับราคาสบายกระเป๋า

หูฟังไร้สายสองรุ่นที่ว่านั้นคือ SOUL S-TRACK ที่เปิดตัวมาในราคา 990 บาท มีสามสีให้เลือกคือ สีดำ, น้ำเงินและสีขาว ขณะที่ SOUL S-TRON ที่เปิดตัวมาในราคา 1,490 บาท โดยทั้งคู่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.3 ขณะเดียวกันที่ตัวหูฟังทั้งสองรุ่นยังได้รับการออกแบบให้ป้องกันละอองน้ำได้ในระดับ IPX4 ขณะที่แบตเตอรี่ในตัวหูฟังนั้นใช้งานได้นานกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป และเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จเวลารวมในการใช้งานอยู่ในระดับเกิน 24 ชั่วโมงขึ้นไป

คุณสมบัติและการออกแบบ
SOUL S-TRACK เป็นหูฟังไร้สายน้องเล็กที่ตั้งใจออกแบบให้ดูทันสมัยเรียบง่าย มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา (น้ำหนักข้างละ 3.5 กรัม) มาพร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สายที่ทันสมัยที่สุดในเวลานี้อย่าง Bluetooth 5.3 (AAC Codec)

หูฟังไร้สาย SOUL S-TRACK มาพร้อมกับแบตเตอรี่ในตัวที่สามารถใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟแต่ละรอบ สำหรับเคสชาร์จที่มีรูปทรงคล้ายลูกบาศก์นั้นสามารถชาร์จไฟให้หูฟัง S-TRACK ได้สูงสุด 3.5 ครั้ง รวมชั่วโมงใช้งานที่ตัวหูฟังเองและเคสชาร์จรวมกันนานถึง 24 ชั่วโมง ตัวเคสชาร์จสามารถชาร์จไฟได้ทางพอร์ต USB-C

Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS

Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS

Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS

สำหรับ SOUL S-TRON หูฟังไร้สาย true wireless อีกรุ่นหนึ่งที่เปิดตัวมาพร้อม ๆ กัน ด้านการออกแบบมาในสไตล์ทันสมัยโฉบเฉี่ยว โดดเด่นสะดุดตาด้วยไฟ LED เรืองแสง ให้ให้ความรู้สึกทันสมัยไม่ซ้ำใคร เชื่อมต่อไร้สายด้วย Bluetooth 5.3 (AAC Codec) เช่นกัน พร้อมการเชื่อมต่อแบบ low latency (Entertainment Mode) ซึ่งมีความหน่วงช้าของสัญญาณเสียงในระดับต่ำเพียง 65ms เหมาะสำหรับการเล่นเกมหรือการรับชมวิดีโอ

ด้านแบตเตอรี่ในตัวหูฟัง SOUL S-TRON สามารถใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟแต่ละรอบ เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จเวลารวมในการทั้งงานทั้งหมดนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 36 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตัวเคสชาร์จรองรับการชาร์จเร็วผ่านพอร์ต USB-C

ทั้ง S-TRACK และ S-TRON ยังมาพร้อมกับปุ่มฟังก์ชันแบบสัมผัสที่ตัวหูฟังแต่ละข้าง สามารถควบคุมการเล่น การรับหรือวางสายสนทนา ตลอดจนการปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงหรือ volume control ได้ด้วย

หูฟังทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานไม่ว่าจะเป็นเคสชาร์จ, จุกซิลิโคนทั้งหมด 3 ขนาด และสายชาร์จ USB-A to USB-C ยาวประมาณ 1 คืบ สำหรับ SOUL S-TRON ยังมีห่วงโลหะสำหรับคล้องกระเป๋าให้มาด้วย

ลองใช้งาน
เช่นเดียวกับการรีวิวหูฟังไร้สายรุ่นอื่น ๆ ก่อนการใช้งานและทำความรู้จักกับฟังก์ชันเราได้ชาร์จไฟเข้าตัวเคสชาร์จ พบว่าเคสชาร์จของ SOUL S-TRACK นั้นแสดงผลเป็นไฟกระพริบสีแดงในระหว่างการชาร์จ และติดสว่างเป็นไฟสีแดงค้างเมื่อชาร์จเต็มแล้ว

Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS
หูฟัง SOUL S-TRACK และเคสชาร์จ
Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS
ไฟแสดงสถานะการชาร์จที่เคสชาร์จของ SOUL S-TRACK

ขณะที่ SOUL S-TRON นั้นมีจุดไฟแสดงผลสีขาวเล็ก ๆ สามจุดที่ด้านหน้าเคสชาร์จเพื่อแสดงระดับของพลังงานไฟฟ้าในตัวเคสชาร์จ สะดวกเวลาที่ต้องการตรวจสอบระดับพลังงานของแบตเตอรี่ ดีไซน์ของตัวเคสชาร์จยังมีฝาบนที่โปร่งแสงทำให้มองเห็นไปถึงด้านในตัวเคสว่าหูฟังตัวไหนกำลังอยู่ในสถานะชาร์จไฟ

นอกจากนั้นสำหรับ SOUL S-TRON ซึ่งมาพร้อมกับนิยาม ‘Glow On The Go’ นั้นยังมีไฟเรืองแสงสีฟ้าที่ขยับเคลื่อนที่ได้อยู่ด้านในตัวเคสชาร์จ จากชื่อรุ่นและไฟเรืองแสงนี้ทำให้เราเข้าใจว่าการออกแบบหูฟังรุ่นนี้น่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์แอคชันไซไฟเรื่อง Tron: Legacy เพราะทั้งสีสันและแสงไฟนั้นมันมาในธีมเดียวกันเลย

Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS
SOUL S-TRON และเคสชาร์จ
Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS
ไฟแสดงสถานะการชาร์จที่เคสชาร์จของ SOUL S-TRON

ซึ่งในระหว่างที่เราลองใช้งานผมว่าไฟเรืองแสงที่ว่านี้พร้อมจะแอคทีฟขึ้นมาทุกครั้งที่มีการเปิดฝาเคสชาร์จ ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นหูฟังที่มีชีวิตชีวาเหมือนว่ามันสามารถโต้ตอบกับเราได้ เรียกว่าหยิบขึ้นมาใช้เมื่อไรก็ดูโดดเด่นกว่าใครอย่างแน่นอน ตัวผู้ใช้งานอย่างเราเองเพลินหูเพลินตาและรู้สึกดีกับการใช้งาน

สำหรับการจับคู่เชื่อมต่อหูฟังของ SOUL ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับคุณสมบัติ AUTO PAIRING คือเมื่อใดที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใด ๆ เมื่อหยิบออกมาจากเคสชาร์จมันก็พร้อมเข้าโหมดจับคู่หรือ PAIRING MODE ทันที ตัวหูฟังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ครั้งละหนึ่งอุปกรณ์เท่านั้น หากมีอุปกรณ์ใช้งานมากกว่าหนึ่งตัว การจับคู่หรือการสลับการเชื่อมต่อใช้งานระหว่างอุปกรณ์จำเป็นต้องตัดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ก่อนหน้าเสียก่อน

Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS
ฟังก์ชันปุ่มควบคุมแบบสัมผัสที่หูฟัง S-TRACK สำหรับหูฟัง S-TRON มีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึงฟังก์ชันคือแตะค้างที่หูฟังด้านซ้ายเพื่อเปิดใช้งาน Entertainment Mode

หูฟังไร้สายทั้งสองรุ่นสามารถแยกใช้งานเดี่ยว ๆ ได้ทั้งสองข้าง คุณภาพของไมโครโฟนเวลาใช้คุยสนทนาหรือสั่งงานผู้ช่วยเสมือนถือว่าอยู่ในระดับพอใช้งานได้ และแม้ว่าทั้งคู่ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟแต่เวลาใช้งานจริงเมื่อเลือกขนาดจุกซิลิโคนได้เหมาะสม เราพบว่ามันก็สามารถบล็อกเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว

ตัวหูฟังถูกออกแบบให้มีเสียงรายงานสถานะเวลาใช้งานในโหมดต่าง ๆ รวมถึงตำแหน่งข้างซ้าย/ขวาของหูฟังเพื่อคอนเฟิร์มว่าผู้ใช้ไม่ได้สวมใส่ใช้งานผิดข้าง โดยเฉพาะในรุ่น S-TRACK ซึ่งมีโอกาสหยิบใช้งานสลับกันได้เพราะว่าข้างซ้ายและขวารูปร่างหน้าตามันเหมือนกันเลย สำหรับความเร็วในการเชื่อมต่อถือว่าไม่ได้รวดเร็วแบบปรู๊ดปร๊าด แต่ก็แลกมาซึ่งความเสถียรในการเชื่อมต่อด้วยเช่นกัน

คุณภาพเสียง
หูฟังไร้สายทั้งสองรุ่นเลือกใช้ตัวขับเสียงแบบไดนามิกขนาด 6mm และมีรายละเอียดพื้นฐานทางเทคนิคที่ใกล้เคียงกันมาก โทนเสียงในภาพรวมคือ ลักษณะเสียงที่อิ่มหนาให้รายละเอียดเสียงในสไตล์ฟังง่ายสบายหู ด้านมิติเสียงจัดว่ากว้างขวางโอ่อ่าพอตัว เสียงกลางไม่มีลักษณะทึมทึบหรือจมหายไป

ขณะที่เสียงทุ้มนั้นค่อนข้างโดดเด่นทั้งปริมาณและความหนักแน่น เวลาใช้ฟังเพลงประเภท pop, pop rock หรือ rock and roll ถือว่าเหมาะเจาะลงตัวดีฟังได้สนุกเลยล่ะ หลายครั้งที่ฟังแล้วมีความรู้สึกว่าอยากเร่งเสียงให้มันดังขึ้นไปอีก ให้มันดังกว่าปกติที่ฟังเพื่อตอบสนองความเร้าใจในอารมณ์

อย่างเช่น ตอนที่เราสตรีมอัลบั้ม 1 (Remastered) ของ The Beatles ใน TIDAL เพลงหลากหลายลีลา จังหวะและท่วงทำนองช้าบ้างเร็วบ้างในอัลบั้มชุดนี้ แม้ว่าจะฟังผ่านหูฟังไร้สายราคาไม่ถึงพันบาทอย่าง SOUL S-TRACK ก็ถือว่าสามารถถ่ายทอดความเพลิดเพลินได้ได้ตลอดการฟังทั้งอัลบั้มเลยทีเดียว

Review SOUL S-TRACK and S-TRON TWS

ขณะที่ SOUL S-TRON ซึ่งกำเนิดมาภายใต้ดีเอ็นเอเดียวกันถ่ายทอดเสียงในลักษณะที่มีความกระชับแน่น มีความคมเข้มของเสียงมากกว่า เสียงทุ้มกระชับหนักแน่นและความกระฉับกระเฉง ส่งผลให้น้ำเสียงโดยรวมฟังดูมีชีวิตชีวากว่า พร้อมมิติเสียงที่ขยายกว้างออกไปอีกเล็กน้อย เวลาฟังเพลงเร็วอย่าง ‘Day Tripper’ หูฟังรุ่นนี้ฟังแล้วทำให้เรารู้สึกสนุกคึกคักอยากโยกหัวตามไปด้วยเลย

เมื่อลองใช้งานในระหว่างการชมภาพยนตร์หรือซีรีส์จากระบบสตรีมมิงต่าง ๆ หูฟังทั้งสองรุ่นจาก SOUL สามารถถ่ายทอดประสิทธิภาพของมันออกมาชนิดที่ว่าทำหน้าที่ได้เกินราคา โดยเฉพาะในภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับเสียงเพลงและเสียงดนตรีโดยตรงอย่าง ‘Bohemian Rhapsody’ หรือ ‘A Star is Born (2018)’ หรือจะเป็นภาพยนตร์แนวแอคชันไซไฟเลยก็ยังไม่เกี่ยง (โดยเฉพาะ SOUL S-TRON)

SOUL S-TRACK, S-TRON เหมาะกับใคร ?
หูฟังไร้สายรุ่นใหม่จาก SOUL ทั้งสองรุ่นชัดเจนว่าเป็นหูฟังที่เกิดมาเพื่องานเอ็นเตอร์เทนโดยเฉพาะ ไม่ใช่หูฟังไฮไฟสไตล์มอนิเตอร์ที่มีความเป็นกลางหรือช่างฟ้องอะไรมากมาย

ในระดับราคาไม่เกินหนึ่งพันบาท SOUL S-TRACK ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับเป็นหูฟังไร้สายตัวแรกสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้งานหูฟังประเภทนี้มาก่อนหรือเคยลองหูฟังราคาย่อมเยารุ่นอื่นแล้วผิดหวัง หากเปิดใจลองฟังสักนิดอาจถูกใจหูฟังรุ่นนี้ก็เป็นได้

สำหรับ SOUL S-TRON ราคาที่ขยับขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็มาพร้อมกับคุณสมบัติที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียง, ระยะเวลาในการใช้งาน หรือดีไซน์ที่มีความหวือหวาน่าตื่นตาตื่นใจ ดูล้ำยุคกว่าหูฟังไร้สายทั่วไป จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Best Buy ในระดับราคานี้ได้เลยทีเดียว


นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บริษัท อัศวโสภณ จำกัด (www.asavasopon.co.th)
โทร: 0-2266-8136-8, 0-2234-6467-8 (สำนักงานใหญ่ซอยรามคำแหง 24)
ราคา: S-TRACK 990 บาท, S-TRON 1,490 บาท

กองบรรณาธิการ AV Tech Guide

สื่อออนไลน์ที่มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีนวัตกรรมในกลุ่มสินค้าเครื่องเสียงไฮไฟ โฮมเธียเตอร์ ไอทีมัลติมีเดีย ตลอดจนสินค้านวัตกรรมอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ของผู้คนทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพ