รีวิว HUAWEI : WATCH FIT 2 “จอใหญ่กว่าเดิม เพิ่มเติมความอัจฉริยะ รับสายโทรคุยได้ ในราคาที่ยังสบายกระเป๋า”
ย้อนกลับไปในปี 2020 HUAWEI ได้เปิดตัว HUAWEI WATCH FIT สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ที่เอาใจคนรักสุขภาพ โดยมีแนวทางการออกแบบที่ดูเหมือนว่าจะออกมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่างอุปกรณ์ประเภทฟิตเนสแทรกเกอร์ และสมาร์ทวอทช์ที่ทำงานแบบ full function
ซึ่งดูเหมือนว่า HUAWEI WATCH FIT นั้นก็ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยเรียกว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ยังไม่ใช่สมาร์ทวอทช์ที่ทำงานแบบ full function จึงยังมีบางคุณสมบัติหรือบางฟังก์ชันที่ผู้ใช้รู้สึกว่าถ้าใส่มาด้วยก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
ล่าสุด HUAWEI ได้เปิดตัว WATCH FIT 2 สมาร์ทวอทช์ทรงสปอร์ตรุ่นใหม่ที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น
คุณสมบัติและการออกแบบ
HUAWEI WATCH FIT เปิดตัวในราคา 3,499 บาท ขณะที่ HUAWEI WATCH FIT 2 เปิดตัวที่ 4,990 บาท ราคาที่ขยับขึ้นมาเพียงเล็กน้อยนี้ดูเหมือนจะสวนทางกับสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน WATCH FIT 2 ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น หรือการมีไมโครโฟนและลำโพงบิลต์อินมาในตัวสามารถใช้รับสายโทรเข้าหรือโทรออก รวมถึงใช้คุยแบบแฮนด์ฟรีผ่านระบบบลูทูธได้เลย (Bluetooth Calling)
และด้วย Bluetooth 5.2 สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้จึงรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่อยู่ห่างกันในรัศมี 100 เมตร (WATCH FIT รุ่นแรกเป็น Bluetooth 5.0) นอกจากนั้นยังสามารถกดปฏิเสธสายเรียกเข้าได้เมื่อไม่สะดวกคุยสาย หรือสามารถตั้งค่าข้อความอัตโนมัติสั้น ๆ ไว้ตอบกลับสายเรียกเข้าได้ด้วยเช่นกัน
HUAWEI WATCH FIT 2 อัปเกรดหน้าจอ AMOLED แบบ HUAWEI FullView Display ให้มีขนาดใหญ่ 1.74 นิ้ว ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า 18.6% มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 72.2% แสดงผลด้วยความละเอียดที่ 480×336 พิกเซล (336 PPI) ช่วยให้อ่านค่าต่าง ๆ บนหน้าจอได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
สมาร์ทวอทช์ HUAWEI WATCH FIT 2 ยังคงออกแบบมาในสไตล์เดียวกับ WATCH FIT รุ่นแรก กรอบตัวเรือนและฝาหลังเลือกใช้วัสดุไฟเบอร์โพลีเมอร์ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีและมีน้ำหนักเบาเพียง 26 กรัม
ขณะที่แบตเตอรี่ในตัวมีความจุ 292mAh สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 10 วันสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือนาน 7 วันสำหรับการใช้งานอย่างหนัก นอกจากนั้นยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานต่อได้อีก 24 ชั่วโมง ตัวเรือนยังออกแบบให้กันน้ำได้ในระดับ 5ATM หรือสามารถลงน้ำได้ในระยะความลึกไม่เกิน 50 เมตร สามารถใส่ออกกำลังกายประเภทว่ายน้ำได้
สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ยังคงมีเซ็นเซอร์บรรจุมาในตัวมากมาย โดยมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMU 9 แกน (เซ็นเซอร์มาตรความเร่ง, เซ็นเซอร์ไจโรสโคป, เซ็นเซอร์แม่เหล็ก) รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล รวมถึง GPS ที่ติดตั้งมาในตัว ให้สามารถติดตามค่าสุขภาพต่าง ๆ ในระหว่างใช้ชีวิตประจำวันหรือระหว่างการออกกำลังกายอย่างละเอียดและแม่นยำ โดยในรุ่นนี้รองรับโหมดออกกำลังกายมาถึง 97 โหมด
นอกจากนั้นในรุ่นนี้ยังสามารถเชื่อมต่อ HUAWEI WATCH FIT 2 ไว้กับหูฟังไร้สายเพื่อฟังเพลงหรือรับชมคอนเทนต์บันเทิงระหว่างออกกำลังกายได้
ตัวสมาร์ทวอทช์รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz มีหน่วยความจำ 32GB เก็บเพลงได้สูงสุด 5,000 เพลง (ถ้าหากเป็นไฟล์บีบอัดขนาดเล็ก) โดยสามารถโหลดเพลงลงสมาร์ทวอทช์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health
HUAWEI WATCH FIT 2 มาพร้อมสายซิลิโคนเนื้อนุ่มสวมใส่สบาย โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black, สีฟ้า Isle Blue และสีชมพู Sakura Pink ตัวสายสามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างอิสระให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน
การใช้งาน
สำหรับคนที่คุ้นเคยกับ HUAWEI WATCH FIT รุ่นแรกดีอยู่แล้ว การใช้งาน HUAWEI WATCH FIT 2 นั้นแทบไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่เลย เพราะมันคือรุ่นอัปเกรดที่มีพื้นฐานการออกแบบใกล้เคียงกันมาก แต่ดีไซน์ในภาพรวมยังคงรู้สึกได้ถึงความกะทัดรัด
ตัวเรือนมีปุ่มควบคุมเพียงปุ่มเดียวอยู่ด้านข้าง ทำงานร่วมกับระบบสัมผัสหน้าจอ สำหรับน้ำหนักที่ 26 กรัม หนักกว่ารุ่นแรกเพียง 5 กรัมเท่านั้น หมายความว่าในความเป็นจริงแล้วเวลาใช้งานคือแทบไม่รู้สึกเลย แต่ได้จอใหญ่ชัดเจนขึ้นมาก ที่น่าสนใจคือ แบตเตอรี่ที่ตามสเปคฯ แจ้งว่าใช้งานได้เท่ากับรุ่นเดิมแม้ว่าหน้าจอมีขนาดใหญ่กว่าเดิม
สำหรับคนที่เจอปัญหาว่าสายนาฬิกาของ WATCH FIT นั้นถอดเปลี่ยนยาก เพราะว่าต้องออกแรงงัดเอาตัวสลักยึดออก และเสี่ยงที่จะทำตัวสลักหลุดหล่นหาย ตอนนี้คงไม่เป็นปัญหาแล้วเพราะในรุ่น WATCH FIT 2 เขาออกแบบให้สายนาฬิกาเปลี่ยนง่ายขึ้นมาก แค่ใช้ปลายเล็บกดปุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นเอง ตัวสายก็หลุดออกจากสลักอย่างง่ายดาย เปลี่ยนสายได้ง่ายขึ้นเยอะ
ที่น่าประทับใจมากอีกเรื่องก็คือระบบ Bluetooth Calling เวลามีสายเรียกเข้า คือเราสามารถกดรับสายที่ตัวนาฬิกาได้โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรคุยจากตัวสมาร์ทวอทช์ได้เลย สะดวกมาก ๆ ซึ่งคุณสมบัตินี้ทำให้นึกถึงสมาร์ทวอทช์ราคาแพง ๆ เลยทีเดียว
หลังจากที่ได้ลองใช้งานเบื้องต้น เราพบว่า UI หรืออินเทอร์เฟซของ WATCH FIT 2 นั้นใช้งานง่ายขึ้นด้วย อย่างไอคอนเมนูแอปฯ ต่าง ๆ ก็จัดเรียงแถวแบบตารางหมากรุก ผสานระบบปฏิบัติการ HarmonyOS พร้อมกับแอปพลิเคชันอีกกว่า 30 ตัวที่เลือกใช้ได้อย่างสะดวกสบายแค่ปลายนิ้วสัมผัส
หรือเมื่อปัดหน้าจอไปทางขวา HUAWEI Assistant จะทำหน้าที่รายงานข้อมูลสภาพภูมิอากาศ การเล่นเพลง รวมทั้งเป็นการเริ่มต้นใช้ระบบสั่งการด้วยเสียงซึ่งในรุ่นนี้ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นไปอีก เพียงแต่ระบบนี้รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน HUAWEI ที่ใช้ EMUI 10.1 หรือใหม่กว่าเท่านั้น
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้หน้าปัด DIY Watch Faces ได้มากถึง 200 แบบ หรือเลือกรูปภาพมาตั้งเป็นภาพหน้าจอได้โดยเลือกผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health ในสมาร์ทโฟน และยังสามารถตั้งค่าหน้าจอให้เป็น Always On Display ซึ่งจะใช้พลังงานมากกว่าปกติบ้าง
สำหรับการใช้งานทั่วไปสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่นี้ยังคงมากับฟีเจอร์อัจฉริยะที่พร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวคอยดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน เช่น คอยเตือนให้ดื่มน้ำ, ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นับก้าวเดิน ตลอดจนการตรวจจับค่าความเครียดพร้อมฟีเจอร์ฝึกกำหนดลมหายใจเพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียด หรือว่าการจดบันทึก การคำนวณรอบเดือนและระยะตกไข่สำหรับสุภาพสตรี
สำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลสุขภาพตลอดทั้งวันด้วย สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้นอกจากสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอดวันได้แล้ว ยังสามารถแจ้งเตือนเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติได้ด้วย เช่นเดียวกับการวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2)
หรือว่าการคอยติดตามคุณภาพในการนอนหลับพร้อมประเมินคุณภาพการนอนหลับโดยไม่รบกวนการนอนของเรา แนะนำว่าใครที่ยังไม่เคยใส่นอน ใส่นอนแรก ๆ อาจยังไม่ชิน ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยสักพัก
สำหรับในโหมดการออกกำลังกาย จากที่เราได้ลองใช้งาน โดยการออกกำลังกายกับเครื่องเดินวงรีแล้วพบว่า HUAWEI WATCH FIT 2 นั้นมีระบบเก็บสถิติและคอยแจ้งเตือนที่ไม่เป็นรองสมาร์ทวอทช์ราคาแพงกว่าอย่าง Apple Watch (รุ่นที่ 5 หรือ 6) เลย
โดย HUAWEI WATCH FIT 2 นั้นนอกจากแสดงข้อมูลต่าง ๆ บนหน้าจอโดยละเอียดแล้ว (เวลาในการออกกำลังกาย, ระดับแคลอรี่ที่เผาผลาญไป, อัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับโซนของอัตราการเต้นหัวใจ) ยังคอยส่งเสียงแจ้งเตือนแทบจะทุกขั้นตอนกันเลยทีเดียว
แจ้งเตือนกันตั้งแต่การเริ่ม กรณีที่ตั้งเป้าหมายเป็นะระยะเวลา ระบบยังส่งเสียงแจ้งเตือนทุก ๆ 10 นาทีรวมทั้งการแจ้งระดับ heart rate การหยุดพักชั่วคราวและการกลับมาออกกำลังกายต่อก็มีการแจ้งเตือนเช่นกัน มีการแจ้งระยะเวลาที่ต้องใช้ในการพักผ่อน อย่างไรก็ดีเสียงแจ้งเตือนทั้งหมดนั้นเป็นภาษาอังกฤษ แม้ว่าจะได้ลองเลือกใช้เมนูไทยแล้วก็ตาม
ในระหว่างการออกกำลังกายเราได้ลองใส่เพลงเข้าไปในตัวเครื่องโดยซิงค์ข้อมูลผ่านแอปฯ HUAWEI Health ในสมาร์ทโฟน HUAWEI P50 Pro พบว่าตัว HUAWEI WATCH FIT 2 สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องเล่นเพลงได้เลย
เท่าที่ลองพบว่ามันรองรับการเล่นไฟล์เสียงแบบ lossless (flac) ด้วย จะฟังผ่านลำโพงในตัวสมาร์ทวอทช์ก็ได้ แต่เสียงนั้นไม่ดีสักเท่าไรเพราะลำโพงมันตัวจิ๋วเดียว ให้เชื่อมต่อสมาร์ทวอทช์กับหูฟังไร้สายจะได้เสียงที่ดีกว่าเยอะ ซึ่งในที่นี้เราได้ลองกับ HUAWEI FreeBuds SE ก็ให้เสียงออกมาดีมาก ๆ
HUAWEI WATCH FIT 2 เหมาะกับใคร ?
การอัปเกรดของ HUAWEI WATCH FIT 2 นั้นถือว่ามาได้ถูกทางอย่างมาก เพราะสิ่งละอันพันละน้อยที่เพิ่มเติมเข้ามานั้นน่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะส่วนของ Bluetooth Calling, จอขนาดใหญ่ และอินเทอร์เฟซใหม่นั้นถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานอย่างมาก
ด้านซอฟต์แวร์ทำงานผสานกับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ นั้นก็ตอบโจทย์ทั้งการดูแลสุขภาพและกำลังออกกำลังกาย ตลอดจนการใช้เพื่อความบันเทิงทางโสตประสาท ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามารวมอยู่ในอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวที่พกพาได้ง่าย ๆ เพียงคาดไว้ที่ข้อมือ
ทำให้ HUAWEI WATCH FIT 2 คือ สมาร์ทวอทช์ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย ในราคาที่ยังเป็นมิตรกับกระเป๋า และเราก็มั่นใจที่จะแนะนำมันเป็นอย่างยิ่ง… “Highly Recommend”
