รีวิว HUAWEI : FreeBuds 4 “หูฟังไร้สาย ANC ที่ให้เสียงฟังสนุก มิติเสียงกว้าง สวมใส่สบายดี ฟีเจอร์เกินคุ้ม”
HUAWEI เปิดตัว FreeBuds 4 หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดในตลาดโลกเมื่อเร็ว ๆ นี้ ชูจุดเด่นประสบการณ์เสียงสมจริง ด้วยเทคโนโลยีตัวขับเสียงรายละเอียดสูงขนาดใหญ่ ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟสำหรับหูฟังไร้สายแบบ Open-Fit ตลอดจนขนาดที่เล็กกะทัดรัดและเคสชาร์จที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว พร้อมเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วตั้งแต่วันนี้
คุณสมบัติและการออกแบบ
HUAWEI FreeBuds 4 ออกแบบเป็นหูฟังไร้สาย true wireless มาพร้อมกับเทคโนโลยี Open-Fit ANC 2.0 (Open-Fit Active Noise Cancellation 2.0) ทำงานร่วมกับระบบไมโครโฟนข้างละ 3 ตัว เพื่อลดทอนเสียงรบกวนแวดล้อมได้สูงสุด 25dB และช่วยรับเสียงในระหว่างการใช้คุยสนทนา
ออกแบบให้สามารถควบคุมสั่งงานได้ด้วยระบบสัมผัสตรงบริเวณด้านหูฟัง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการเล่นเพลง, คลิปวิดีโอหรือภาพยนตร์ การปรับเพิ่ม-ลดความดังเสียง ตลอดจนการรับ-วางสายสนทนา
ด้านเทคโนโลยีตัวขับเสียง HUAWEI FreeBuds 4 มาพร้อมกับตัวขับเสียงแบบไดนามิกขนาด 14.3mm ซึ่งตามข้อมูลจากผู้ผลิตคุยว่าสามารถตอบสนองความถี่สูงได้ถึง 40kHz ส่วนของไดอะแฟรมใช้วัสดุที่มีส่วนประกอบของโพลิเมอร์ผลึกเหลว (LCP, Liquid Crystal Polymer)
HUAWEI FreeBuds 4 มาพร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.2 รองรับการถอดรหัสเสียง AAC นอกจากนั้นยังออกแบบให้สามารถเชื่อมต่ออัจฉริยะได้ถึง 2 อุปกรณ์พร้อมกัน มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ สวมใส่สบายด้วยน้ำหนักเพียง 4.1 กรัม
แบตเตอรี่ในตัวหูฟังมีความจุ 30mAh ใช้งานได้ต่อเนื่องได้นานสูงสุด 4 ชั่วโมงเมื่อปิดการใช้งาน ANC (Active Noise Cancellation) และเวลาใช้งานรวมจะเพิ่มเป็น 22 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จที่มีแบตเตอรี่ในตัวความจุ 410mAh เคสชาร์จของ FreeBuds 4 ออกแบบให้ลักษณะกลมแบน ขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา (38 กรัม) ให้สะดวกต่อการพกพา
เคสชาร์จตัวนี้รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วผ่านพอร์ต USB-C ซึ่งข้อมูลจากผู้ผลิตแจ้งว่าใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที ก็สามารถใช้งานต่อได้อีก 2.5 ชั่วโมง
ความประทับใจแรกและการลองใช้งาน
HUAWEI FreeBuds 4 มีให้เลือก 2 สีคือ สีเทาเงิน Silver Frost พื้นผิวด้านอย่างตัวที่รีวิวอยู่นี้ และสีขาว Ceramic White ที่มีพื้นผิวมันวาว ที่ตัวเคสชาร์จมีปุ่มกดที่ฝังอย่างกลมกลืนทางด้านข้างตัวเคส สำหรับกดเพื่อเข้าสู่สถานะพร้อมจับคู่ หรือรีเซ็ตตัวหูฟัง ซึ่งเป็นดีไซน์ที่อยู่ในหูฟัง true wireless รุ่นอื่น ๆ ของหัวเว่ยด้วย
นอกจากตัวหูฟังและเคสชาร์จแล้ว ยังมีสายชาร์จไฟ USB-A to USB-C เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มาในกล่อง ตัวสายมีความยาวให้ใช้งานได้สะดวกเลยครับ ไม่ใช่สายสั้น ๆ เหมือนที่ให้มาในหูฟัง true wireless ส่วนใหญ่
สำหรับการจับคู่ใช้งาน กับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เชื่อมต่อบลูทูธทั่วไป เมื่อเปิดใช้งานครั้งแรกตัวหูฟังจะเข้าสู่โหมดจับคู่โดยอัตโนมัติ หลังจากจับคู่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์แล้ว ครั้งต่อไปเพียงแค่เปิดฝาเคสชาร์จ หูฟังก็พร้อมเชื่อมต่อกับอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ
สังเกตว่าเคสชาร์จของ FreeBuds 4 แม้จะมีรูปทรงดูคล้ายกับเคสชาร์จของ FreeBuds 3 มาก ๆ แต่ก็มีขนาดกะทัดรัดกว่าเล็กน้อย เมื่อลองเอาเคสซิลิโคนที่ใส่ใช้งานอยู่กับ FreeBuds 3 มาใส่ FreeBuds 4 ก็พบว่ามันหลวมไปพอสมควร
สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของหัวเว่ยที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.0 ขึ้นไป จะมีความพิเศษกว่าเล็กน้อยคือ เมื่อเปิดฝาเคสชาร์จ หน้าต่าง Pop-up แสดงการค้นพบตัวหูฟังก็จะปรากฏบนหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่อยู่ใกล้ ๆ กันทันที
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ HUAWEI FreeBuds 4 สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป สมาร์ทวอทช์ หรือสมาร์ททีวี นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติในการสลับสับเปลี่ยนการเชื่อมต่อตามความเหมาะสม
ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการประชุมออนไลน์ด้วยแท็บเล็ตแล้วมีสายเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟน หูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 จะสลับไปเชื่อมต่อที่สมาร์ทโฟนแบบอัตโนมัติ โดยผู้ใช้ไม่ต้องสลับการเชื่อมต่อเองให้วุ่นวาย ระบบไมโครโฟนสำหรับใช้สนทนาก็ยังคงมีคุณภาพยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง FreeBuds 3 และ FreeBuds Pro
ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้หากจำไม่ผิดก็ได้มาจากรุ่น FreeBuds Pro นั่นเอง อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ได้มาจาก FreeBuds Pro ก็คือ การควบคุมแบบสัมผัสที่สามารถสไลด์นิ้วขึ้น-ลงเพื่อปรับระดับเสียงดัง-เบา (volume control) ได้โดยตรงที่ตัวหูฟัง คุณสมบัตินี้เป็นอะไรที่สะดวกมาก ๆ และมีในหูฟัง true wireless เพียงแค่ไม่กี่รุ่นเท่านั้น (บางรุ่นต้องอาศัยการแตะค้าง ทำให้ใช้งานไม่สะดวกเท่า)
นอกจากการปรับ volume control แล้ว ระบบควบคุมแบบสัมผัสยังสามารถแตะ 2 ครั้งเพื่อเล่น/หยุดเพลงชั่วคราว หรือเพื่อรับสาย/วางสายสนทนา อีกกรณีคือแตะค้างเพื่อเปิด/ปิดโหมด ANC นอกจากนั้นยังสามารถเข้าไปตั้งค่าระบบควบคุมแบบสัมผัสเหล่านี้ให้เป็นไปตามความต้องการและความคุ้นเคยได้ในแอปฯ HUAWEI AI Life
สามารถตั้งค่าคำสั่งการใช้งานตามความคุ้นเคยของตนเองได้อย่างอิสระผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI AI Life โดยเข้าไปตั้งค่าในส่วนของเมนู Gestures นอกจากนั้นแอปฯ ตัวนี้ยังสามารถใช้ตั้งค่าต่าง ๆ อีกหลายอย่างที่เป็นประโยชน์กับหูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 ได้ด้วยครับ
ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตเฟิร์มแวร์, การตั้งค่าเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 อุปกรณ์, การตั้งค่าระบบลดทอนเสียงรบกวน, การตั้งค่าคุณภาพเสียงในการสนทนาและอีคิวปรับชดเชยเสียง (preset 3 ค่า Default/Bass boost/Treble boost), การตั้งค่าเปิด-ปิดการใช้งานเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ หรือการค้นหาหูฟัง
ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่ว่ามาคงมองเห็นแล้วว่า HUAWEI FreeBuds 4 เป็นหูฟัง true wireless อีกรุ่นหนึ่งที่สามารถบูรณาการคุณสมบัติความสามารถในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างลงตัว มีฟีเจอร์ใช้งานที่หลากหลายครบเครื่องเกินตัว ดังนั้นลำพังถ้าจะมองเรื่องความคุ้มเพียงอย่างเดียว หูฟังรุ่นนี้ไม่เป็นรองใครในระดับราคานี้เลยครับ
คุณภาพเสียง
สำหรับเรื่องคุณภาพเสียง หากว่าสวมใส่ใช้งาน ‘ได้อย่างเหมาะสม’ เสียงที่ได้จาก Freebuds 4 นอกจากสามารถใช้งานระบบตัดเสียงรบกวนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วยังให้เสียงที่เน้นให้ฟังสนุก คมชัด จะแจ้ง มากกว่าเสียงที่นุ่มนวล เป็นแนวเสียงที่ตั้งใจจูนมาให้ปลดปล่อยรายละเอียดออกมา มากกว่าการพยายามบาลานซ์เสียงให้ฟังหนานุ่มนวลเนียนอย่างในหูฟัง FreeBuds 3
จากที่ผมได้ลองฟังกับแหล่งสตรีมเพลงคุณภาพดี เช่น TIDAL หรือ Apple Music พบว่าสตรีมมิงเหล่านั้นยิ่งช่วยส่งเสริมให้ HUAWEI FreeBuds 4 สามารถแสดงศักยภาพของมันออกมาได้เต็มที่ยิ่งขึ้นไปอีก คนที่ฟังเพลง J-POP, K-POP, Hip Hop, Rock หรือ EDM รับรองว่าต้องถูกใจหูฟังรุ่นนี้แน่นอน
เสียงจาก FreeBuds 4 นั้นให้มิติเสียงสเตริโอที่กว้างขวาง โอ่โถง เนื้อเสียงมีความอิ่มแน่น ภาพรวมของเสียงมีลักษณะอิ่มหนาของเสียงทุ้ม เสียงกลางและแหลมออกแนวชัดเจนจะแจ้ง สมดุลเสียงค่อนข้างดี ไม่บางหรือว่าหนาจนเกินไป
อย่างไรก็ดีลักษณะเสียงดังกล่าว ต้องเรียนตามตรงว่าอยู่ในเงื่อนไขที่ต้องสวมใส่ใช้งาน ‘ได้อย่างเหมาะสม’ ด้วยครับ เพราะในระหว่างการใช้งานผมพบว่าเวลาที่ตัวหูฟังไม่อยู่ในจุดที่สวมใส่ ‘ได้อย่างเหมาะสม’ ไม่ฟิตพอดีกับใบหูและรูหู ไม่เพียงประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนจะลดลงแล้ว เรื่องคุณภาพเสียงที่ได้ก็แปรเปลี่ยนไปด้วยเช่นกันครับ
โดยผมสังเกตว่าเสียงที่ได้นั้นมีเนื้อเสียงบางลง เสียงทุ้มมีปริมาณลดลง และสมดุลเสียงที่เคยทำได้ด้วยนั้นก็ด้อยลงตามไปด้วย มาก-น้อยแล้วแต่กรณีว่ามันขยับออกไปจากตำแหน่งที่พอดีหูมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้นใครไปลองฟังหูฟังรุ่นนี้ห้ามลืมพิจารณาในส่วนนี้เด็ดขาด มิฉะนั้นแล้วคุณอาจเข้าใจคุณภาพเสียงของ FreeBuds 4 ผิดไปจากความเป็นจริงเลยล่ะครับ ทำให้หูฟังรุ่นนี้แม้จะมีมาตรฐานกันน้ำ IPX4 แต่ก็อาจไม่เหมาะจะใช้เวลาออกกำลังกาย นอกจากว่าเราจะใช้ฟังข่าวหรือพอดแคสต์ที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องโทนเสียงที่อาจแปรเปลี่ยนไปในระหว่างการใช้งาน
คือจะว่าไปหูฟังดีไซน์แบบนี้มันใส่สบายจริงครับ ใส่แล้วอาการหลุดหล่นก็ไม่ได้มากไปกว่า true wireless แบบอินเอียร์อันนี้ก็จริงครับ แต่เวลาขยับแล้วสมดุลเสียงเปลี่ยนไปอันนี้ก็ต้องถือว่าเป็นข้อจำกัดซึ่งผู้ที่จะเลือกใช้งานควรทราบและปรับตัวให้ได้ด้วยเช่นกันครับ
ด้วยความที่เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 ผมพบว่าเวลาใช้ดูคลิปวิดีโอในสตรีมมิงอย่าง YouTube, Netflix หรือ Disney+ Hotstar ไม่มีปัญหาเรื่องภาพและเสียงไม่ตรงกันครับ มีเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ระหว่างการใช้งานอยู่ ๆ เสียงก็มีอาการสะดุดเป็นช่วง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ (เป็นทั้งสมาร์ทโฟน iOS และ Android)
ซึ่งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่เอาหูฟังใส่เคสชาร์จแล้วหยิบออกมาเชื่อมต่อใหม่ก็ใช้ได้ตามปกติแล้ว ตรงนี้ผมหวังว่าหัวเว่ยจะทราบปัญหาและสามารถปรับแก้ได้ในอนาคตได้ด้วยการอัปเดตเฟิร์มแวร์ครับ
HUAWEI FreeBuds 4 เหมาะกับใคร ?
สำหรับผู้ที่ติดตามผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยมาคงทราบดีว่ายี่ห้อนี้ไม่ใช่แบรนด์น้องใหม่สำหรับหูฟังไร้สาย true wireless ที่ผ่านมาหัวเว่ยทำตลาดหูฟังไร้สายรุ่น FreeBuds ซึ่งเป็นหูฟัง true wireless โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ
เริ่มจากรุ่นประหยัดที่ลงท้ายด้วยตัวเลขและตัวอักษรไอ (i) เช่น FreeBuds 3i และ FreeBuds 4i ขยับขึ้นมาเป็นหูฟังระดับกลางที่ลงท้ายด้วยตัวเลข เช่น FreeBuds 3 และ FreeBuds 4 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ และอีกระดับหนึ่งคือรุ่นที่ลงท้ายด้วย Pro อย่าง FreeBuds Pro ซึ่งเป็นหูฟัง true wireless รุ่นพรีเมียม
มีอีกหนึ่งข้อสังเกตคือรุ่นที่ลงท้ายด้วยตัวเลข จะเป็นหูฟังดีไซน์แบบ Open-Fit ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟซึ่งถือว่าเป็นเรื่องท้าทาย เพราะหูฟัง true wireless ยี่ห้ออื่น ๆ ในตลาดนั้น หากมีระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟก็มักจะเป็นดีไซน์แบบอินเอียร์หรือกึ่งอินเอียร์ ซึ่งระบบตัดเสียงรบกวนออกแบบได้ง่ายกว่าแบบ Open-Fit มาก
ถามว่าทำไมต้องเป็น Open-Fit ก็ต้องบอกว่าดีไซน์แบบนี้คนส่วนใหญ่สวมใส่แล้วสบายหูกว่าเนื่องจากไม่มีชิ้นส่วนที่ยื่นเข้าไปในรูหูเลย ทว่าหูฟัง Open-Fit เองก็มีข้อจำกัดตามที่ได้เรียนไว้ข้างต้นครับ มากหรือน้อยแล้วดีไซน์และลักษณะใบหูของผู้ใช้งาน ใครที่มีปัญหาและอยากใช้หูฟัง true wireless ของหัวเว่ย ผมแนะนำให้เลือกแบบใช้รุ่นที่เป็นดีไซน์แบบอินเอียร์อย่าง FreeBuds 4i หรือ FreeBuds Pro แทนครับ
สำหรับคนที่สวมใส่แล้วไม่มีปัญหาถือว่าคุณโชคดีครับ เพราะนอกจากจะได้หูฟังใส่สบายหูที่มีคุณภาพเสียงดีแล้ว ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ให้มาในหูฟัง HUAWEI FreeBuds 4 ยังสามารถพูดได้ว่า ‘เกินคุ้ม’ ครับ
ราคา โปรโมชันและสถานที่จำหน่าย
HUAWEI FreeBuds 4 เปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยในราคา 5,999 บาท พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์เหลือเพียง 4,499 บาท พร้อมรับฟรีบริการ HUAWEI Music VIP นาน 3 เดือน รวมมูลค่า 387 บาท สำหรับผู้ที่ตัดสินใจซื้อระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ถึง 22 กรกฎาคม 2564
โดยสามารถสั่งซื้อได้ที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่ร่วมรายการ ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI Online Store , Shopee , Lazada และ JD Central