JBL เปิดตัวเครื่องเสียงรุ่นใหม่ Classic Series ประกอบไปด้วยอินทิเกรตแอมป์, เครื่องเล่นซีดี, มิวสิคสตรีมเมอร์ และเทิร์นเทเบิ้ล
JBL ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการที่งานแถลงข่าว HARMAN ExPLORE ในงาน CES 2023 รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องเสียงไฮไฟรุ่นใหม่
โดยเครื่องเสียงรุ่นใหม่นี้มาไลน์อัป Classic Series ของ JBL ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องเล่นซีดีรุ่น CD350, อินทิเกรตแอมป์รุ่น SA550, มิวสิคสตรีมเมอร์ไฮเรสรุ่น MP350 และเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นแรกของ JBL รุ่น TT350
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีการออกแบบในสไตล์ย้อนยุคผสมผสานความทันสมัย แบบเดียวกับที่เห็นในอินทิเกรตแอมพลิฟายเออร์รุ่นพิเศษอย่าง SA750 (ซึ่งเปิดตัวในงาน CES 2021 เพื่อฉลองครบรอบ 75 ปีของ JBL) รวมถึงลำโพงรุ่น L100 Classic การออกแบบอินทิเกรตแอมป์รุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากแอมป์รุ่น SA600 ของ JBL ที่ออกมาในช่วงปี 1960
เครื่องเสียงรุ่น Classic Series ผสมผสานการออกแบบย้อนยุคเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องประกอบด้วยวีเนียร์ไม้วอลนัทธรรมชาติ รวมถึงแผงหน้าปัดและปุ่มควบคุมต่าง ๆ ที่ขึ้นรูปมาจากอะลูมิเนียม ขณะที่ภายในตัวเครื่องนั้นเป็นเทคโนโลยีเสียงดิจิทัลและอะนาล็อกความละเอียดสูงล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อถ่ายทอด “ประสบการณ์การฟังที่ไม่มีใครเทียบได้” (อ้างอิงจากเอกสารข่าวจาก JBL)
สำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น TT350 Classic เป็นระบบขับเคลื่อนแบบมอเตอร์ขับตรงหรือไดเรคไดร์ฟ พร้อมแพลตเตอร์อะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปอย่างหนาและตัวเครื่องเคลือบผิวด้วยไม้วอลนัทธรรมชาติ ออกแบบให้สามารถเล่นแผ่นเสียงได้ที่ความเร็ว 33 1/3 และ 45 รอบต่อนาที ตัวเครื่องมีขาลดแรงสั่นสะเทือนที่ปรับระดับได้ ซึ่งช่วยลดการสั่นสะเทือนและทำให้ง่ายต่อการวางเครื่องเล่นแผ่นเสียงบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ
โทนอาร์มอะลูมิเนียมทรงโค้งรูปตัว S มาพร้อมกับหัวเข็มแบบแม่เหล็กเคลื่อนที่ “คุณภาพสูง” ของ Audio Technica ติดตั้งในเฮดเชลล์แบบถอดได้ JBL TT350 ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับมุม VTA ได้ด้วยหากต้องการกำลังอัปเกรดไปใช้หัวเข็มรุ่นอื่น
สำหรับเครื่องเล่นซีดี JBL CD350 Classic มาพร้อมกับกลไกการโหลดถาดใส่แผ่นที่ “ทนทาน” และอินพุต USB-A พร้อมด้วย DAC ความละเอียดสูงในตัวเพื่อการเล่นไฟล์เสียงแบบ bit-perfect ที่พร้อมรองรับไฟล์เสียงรายละเอียดสูงในระดับ 24bit/96kHz
เครื่องเล่นซีดีรองรับรูปแบบการเล่นที่หลากหลายทั้งแผ่น CD, CD-R และ CD-RW (แต่ไม่สามารถเล่นแผ่น SACD) สำหรับการเล่นไฟล์นั้นรองรับไฟล์ FLAC, WAV, MP3, AAC และ WMA ผ่านอินพุต USB
ในด้านการเชื่อมต่อนั้นประกอบด้วยเอาต์พุตอะนาล็อกสเตอริโอ (RCA) และเอาต์พุตดิจิทัลทั้งแบบ optical และ coaxial
เช่นเดียวกับ SA750 อินทิเกรตแอมป์ JBL SA550 Classic นั้นมาพร้อมกับภาคขยายเสียง Class G ที่มีประสิทธิภาพและกำลังขับสูง พร้อมทั้งยังให้เสียงที่มีความผิดเพี้ยนต่ำเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีตัวแปลงสัญญาณบลูทูธ aptX Adaptive สำหรับการสตรีมเสียงแบบไร้สายที่ให้คุณภาพเสียงดีและมีความหน่วงช้าในระดับต่ำ
JBL SA550 Classic มีกำลังขับในตัว 90W ต่อข้างที่โหลด 8 โอห์ม (หรือ 150W ที่โหลด 4 โอห์ม) ด้านการเชื่อมต่อมีอินพุตอะนาล็อกสเตริโอสี่ชุด (RCA) โดยแบ่งเป็นอินพุตสำหรับสัญญาณระดับไลน์สามชุด และอินพุตโฟโน MM/MC อีกหนึ่งชุด
ในส่วนของอินพุตสัญญาณดิจิทัลมีให้มาเลือกใช้งานสามชุด (optical x 1, coaxial x 2) รองรับสัญญาณเสียงรายละเอียดสูงถึงระดับ 24bit/192kHz
สำหรับ JBL MP350 Classic เครื่องเสียงสตรีมเมอร์ที่สามารถเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คได้ทั้งทาง Ethernet และ Wi-Fi รองรับการเล่นไฟล์เสียง hi-res audio ถึงระดับ 24bit/192kHz
ผู้ใช้ยังสามารถสตรีมเพลงจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตผ่าน Google Chromecast หรือ Apple AirPlay 2 ในขณะที่ยังสามารถเล่นเพลงได้โดยตรงผ่าน Spotify Connect และ TIDAL Connect นอกจากนี้ยังได้รับการรับรอง Roon Ready สำหรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Roon
ราคาสำหรับแต่ละรุ่น
เทิร์นเทเบิ้ล TT350 Classic ราคา $1,000 หรือประมาณ 34,000 บาท
เครื่องเล่นซีดี CD350 Classic ราคา $700 หรือประมาณ 24,000 บาท
เครื่องเสียงสตรีมเมอร์ MP350 Classic ราคา $800 หรือประมาณ 27,200 บาท
อินทิเกรตแอมป์ SA550 Classic ราคา $2,000 หรือประมาณ 67,900 บาท
สำหรับผลิตภัณฑ์ JBL Classic Series รุ่นใหม่ทั้งหมดจะวางจำหน่ายในไตรมาสที่สองของปี 2023
นอกจากนั้น JBL ยังได้เปิดตัวลำโพงซับวูฟเฟอร์รุ่น L10cs ลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่มาพร้อมกับตัวขับเสียงขนาด 10 นิ้ว ติดตั้งแบบยิงเสียงลงด้านล่าง มาพร้อมกำลังขับในตัว 250W RMS (กำลังขับแบบไดนามิกที่ 500W) ตัวตู้เป็นระบบเบสรีเฟลกซ์พร้อมท่อเปิดยิงออกด้านหลัง ซับวูฟเฟอร์รุ่นนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาที่ราคา $700 หรือประมาณ 24,000 บาท
ที่มา: whathifi