ฟูจิฟิล์ม เปิดตัว “INSTAX mini 99™” กล้องอนาล็อกรุ่นไฮเอนด์ในประเทศไทย
กรุงเทพฯ 14 มีนาคม 2567 – บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ล่าสุด INSTAX mini 99™ (mini 99™) กล้องกลุ่มอินสแตนท์อนาล็อกระดับไฮเอนด์ โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 4 เมษายน 2567
กล้อง mini 99™ เป็นรุ่นที่ยกระดับจากรุ่น INSTAX mini 90™ (mini 90™) ซึ่งเป็นรุ่นที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก โดยมีคุณสมบัติใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีอนาล็อกในการเพิ่มประสบการณ์การในการถ่ายภาพและสร้างสรรค์ภาพได้มากขึ้น เช่น “การควบคุมเอฟเฟกต์สี” ที่มีสีให้เลือกใช้ในการแสดงผลภาพถึง 6 แบบ และ “โหมดวิกเนต (วีเนียจ)” ที่ลดการรับแสงบริเวณขอบรูป ทำให้ตรงกลางภาพโดดเด่นขึ้น
คุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ได้ทุก ๆ การกดถ่าย ตัวกล้องมีพื้นผิวด้านวัสดุคล้ายหนัง ทำให้จับสบายและดูสวยงามให้สัมผัสหรูหรา
บริษัทยังเปิดตัวฟิล์มขนาดมินิ “PHOTO SLIDE” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากฟิล์มม้วน โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยเพื่อต้อนรับช่วงฤดูร้อน ตอกย้ำการสร้างสรรค์การถ่ายภาพได้หลายรูปแบบจากกล้อง mini 99™
นอกจากนี้คุณสมบัติใหม่จากรุ่น mini 99 อย่างการควบคุมเอฟเฟกต์สี และ โหมดวิกเนต สามารถใช้ร่วมกับการควบคุมแสงสว่างได้ สามารถใช้งานโดยหมุนวงแหวนทางด้านข้างของตัวกล้องเพื่อสร้างสรรค์รูปฟิล์มอย่างหลากหลาย
โดยกล้องรุ่นล่าสุดนี้ยังสานต่อคุณสมบัติจากรุ่น mini 90™ อย่าง โหมดถ่ายภูมิทัศน์ โหมดมาโคร และโหมดถ่ายในอาคาร ที่ช่วยให้ได้ภาพที่มีคุณภาพมากขึ้น และมีโหมดกีฬา ที่เหมาะสำหรับการถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการตั้งเวลาสำหรับการถ่ายภาพกลุ่ม แถมยังสามารถเล่นกับแสงได้ด้วยการใช้โหมด Bulb และโหมดภาพซ้อน
เพื่อการใช้งานที่ครบวงจร INSTAX รวมทั้งรุ่น mini 99™ ฟูจิฟิล์มได้อัปเดตแอป INSTAX UP! รูปแบบใหม่ในวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นแอปบนสมาร์ตโฟน ที่ผู้ใช้งานสามารถสแกนและบันทึกภาพปรินต์ INSTAX ลงสมาร์ตโฟนเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บไฟล์ดิจิทัล สิ่งที่อัปเดตเข้ามาคือการเก็บภาพเป็นอัลบั้ม
ผู้ใช้สามารถสร้างคอลเลกชันรูปภาพ INSTAX ตามธีมที่ต้องการ เป็นอีกวิธีในการเพลิดเพลินกับ INSTAX ฟูจิฟิล์มยังคงเดินหน้าพัฒนากล้องกลุ่มอินสแตนท์ต่อไปเพื่อให้ผู้ใช้งานได้สนุกไปกับการถ่ายและปรินต์ภาพถ่ายได้ทันที
INSTAX mini 99™ และฟิล์ม INSTAX ขนาดมินิ “PHOTO SLIDE” จะวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 4 เมษายน 2567 ในราคา 7,290 บาท และ 360 บาท ตามลำดับ
