รู้จักมากขึ้นกับ SCL6 เทคโนโลยีเสียงไร้สายแห่งอนาคตที่รองรับ Hi-Res Audio อย่างแท้จริง ?
การเชื่อมต่อไร้สายมีความสำคัญต่อวิธีการทำงานของผลิตภัณฑ์ไฮเทคจำนวนมากในปัจจุบัน ตั้งแต่หูฟังไร้สายไปจนถึงลำโพงไร้สาย ทีผ่านมามีการผลักดันเพื่อปรับปรุงมาตรฐานประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อแบบไร้สายมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้มีปัญหาคอขวดด้านคุณภาพอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงประสิทธิภาพของบลูทูธ แต่ในอนาคตข้อจำกัดเหล่านั้นอาจถูกเอาชนะได้ด้วยเทคโนโลยี SCL6 ของบริษัท MQA
SCL6 คืออะไร ?
SCL6 อาจเป็นชื่อที่ฟังดูแปลกหู แต่ชื่อนี้มีที่มาจากเทคโนโลยีการรหัสแบบปรับเปลี่ยนได้ (scalable codec) รุ่นที่ 6 ที่ทางบริษัท MQA ได้พัฒนาขึ้นมา ในตอนแรกบริษัทดูเหมือนว่าจะพยายามเรียกตัวแปลงสัญญาณใหม่นี้ว่า MQair แต่ตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนกลับเป็น SCL6 ที่ชื่ออาจไม่เก๋ไก๋เท่า (อย่างน้อยในตอนนี้)
SCL6 เป็นวิธีการเข้ารหัสไฟล์เสียงในลักษณะเดียวกับ aptX หรือ LDAC เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณและรับสัญญาณแบบไร้สาย หรือการสตรีมผ่าน Bluetooth, UWB (Ultra Wide Band) และ Wi-Fi นอกจากนี้ SCL6 ยังสามารถทำงานกับไฟล์ประเภทใดก็ได้ ไม่ใช่แค่ไฟล์เสียง MQA และไม่ว่าการเชื่อมต่อนั้นเป็นแบบไร้สายหรือไม่ก็ตาม
ตัวแปลงสัญญาณนี้อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริงเมื่อพูดถึงในแง่ของการส่งไฟล์คุณภาพสูงแบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เสียงหรือวิดีโอ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนได้เป็นหนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นสำหรับ SCL6 มันสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยขึ้นอยู่กับคุณภาพของการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่เป็นตัวส่งและอุปกรณ์ที่เป็นตัวรับ
อัตราข้อมูลหรือบิตเรตที่ใช้นั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตั้งแต่ 200kbps (Lossy) ไปจนถึง 20Mbps (Lossless) ความสามารถในการปรับเปลี่ยนระหว่างการทำงานแบบ Lossless และ Lossy นั้นมีลักษณะเฉพาะ และสามารถปรับเปลี่ยนไปได้เมื่อคุณภาพการเชื่อมต่อเปลี่ยนไป ที่บิตเรตสูงสุดนั้นมันสามารถส่งและรับไฟล์ PCM 24bit/384kHz ได้แบบไม่สูญเสียข้อมูล (Lossless)
นอกเหนือจากความสามารถในการส่งสัญญาณแล้ว SCL6 ยังโดดเด่นเพราะสามารถปรับโดเมนเวลาของสัญญาณให้เหมาะสมได้ด้วย แทนที่จะจัดลำดับความสำคัญไปตามโดเมนความถี่อย่างที่ตัวแปลงสัญญาณการบีบอัดส่วนใหญ่ทำ เทคนิคนี้ทางบริษัทอ้างว่าได้เสียงที่ดีกว่าและแม่นยำกว่าตัวเลือกอื่น ๆ นอกจากนั้นยังมีข้อดีอีกว่า SCL6 นั้นใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นอายุการใช้งานแบตเตอรี่บนตัวอุปกรณ์จึงไม่น่ามีปัญหา
การฟัง SCL6 ต้องใช้อะไรบ้าง ?
โดยพื้นฐานจำเป็นต้องมีแหล่งสัญญาณ เช่น สมาร์ทโฟน และตัวรับสัญญาณ เช่น หูฟังไร้สาย ที่เข้ากันได้กับตัวแปลงสัญญาณ SCL6 นอกจากนั้นในเวลานี้ยังไม่มีข้อกำหนดด้านฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะ ดังนั้นในบางกรณีความเข้ากันได้ของ SCL6 อาจสามารถทำได้โดยการอัปเกรดซอฟต์แวร์ หากทั้งแหล่งสัญญาณและตัวรับสัญญาณมีพลังในการประมวลผลเพียงพอที่จะรับมือกับความต้องการของเทคโนโลยีนี้ได้
ผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่รองรับ SCL6 ?
ในเวลานี้ต้องบอกว่ายังไม่มี ขณะที่ทางบริษัท MQA กำลังเจรจากับพันธมิตรที่มีศักยภาพหลายราย ซึ่งรวมถึงบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนด้วย ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทางบริษัทยังไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ในตอนนี้ แต่อย่าแปลกใจที่เราอาจจะเห็นการประกาศเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เข้ากันได้กับ SCL6 ในช่วงปลายปีนี้ และอุปกรณ์เหล่านั้นอาจพร้อมวางจำหน่ายในปีหน้า
เปรียบเทียบ SCL6 กับ apt X Lossless และ LDAC
SCL6 นั้นเหนือกว่าในแง่ของบิตเรตที่สูงกว่า โดยบริษัท MQA อ้างว่าบิตเรตสูงสุดของมันไปถึง 20Mbps ซึ่งเพียงพอสำหรับการสตรีมไฟล์ PCM 24bit/384kHz นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มประสิทธิภาพโดเมนเวลาของไฟล์ ซึ่งจะทำให้ตัวแปลงสัญญาณใหม่มีข้อได้เปรียบด้านคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน
ในการเปรียบเทียบ aptX Lossless ของ Qualcomm (คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุด) อัตราข้อมูลสูงสุดตามที่อ้างไว้อยู่ที่ประมาณ 1Mbps ในขณะที่ LDAC นั้นอยู่ที่ 990kbps
เช่นเดียวกับ SCL6 ทั้ง aptX Lossless และ LDAC สามารถปรับเปลี่ยนบิตเรตได้ตามคุณภาพของการเชื่อมต่อระหว่างต้นทางและตัวรับ ทว่าปรับเปลี่ยนได้ในช่วงที่จำกัดมากกว่า โดย aptX Lossless สามารถปรับเปลี่ยนบิตเรตได้ตั้งแต่ 140kbps ถึง 1Mbps ในขณะที่ LDAC นั้นมีสามระดับคือ 330kbps, 660kbps และ 990kbps ขณะที่โดยทั่วไปแล้วไฟล์เสียงของซีดีที่มีความละเอียด 16bit/44.1kHz นั้นมีอัตราการส่งข้อมูลอยู่ที่ 1,411kbps
ด้านคุณภาพเสียง ? แม้ว่าตัวเลขจะบ่งบอกถึงความเหนือกว่าอย่างชัดเจนสำหรับ SCL6 เราคงต้องรอจนกว่าเราจะมีโอกาสได้ฟังเสียงของผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี SCL6 แต่อย่างน้อยการมาของเทคโนโลยีใหม่นี้ก็ทำให้การสตรีมแบบไร้สายระหว่างอุปกรณ์ด้วยเสียงที่มีความละเอียดสูงอย่างแท้จริง (hi-res audio) ดูมีอนาคตสดใสและมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น
ที่มา: whathifi