ไขข้อข้องใจกับระบบมัลติโซนในโฮมเธียเตอร์
ต้องรู้ก่อนว่า Multi-Zone คืออะไร
Multi-Zone คือฟังก์ชันที่เราเห็นกันอยู่ในเอวีรีซีฟเวอร์ในโฮมเธียเตอร์มา สักพักนึงแล้ว มันสามารถส่งสัญญาณจากแหล่งโปรแกรมที่นำมาเชื่อมต่อกับมันไปให้ปลายทาง หรือ output ที่สอง,สาม หรือสี่ ไปยังลำโพง หรือส่งไปเป็นสัญญาณแหล่งโปรแกรมให้ระบบเสียงแยกต่างหากในตำแหน่งอื่น ๆ ในบ้านได้ ไม่ใช่เหมือนกับการพ่วงลำโพงดื้อ ๆ แล้วเอาไปวางแหมะไว้ในห้องอื่น
ต่างจากระบบเสียงไร้สายสำหรับห้องหลายห้อง (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนท้ายของบทความนี้) เอาเป็นว่าไหน ๆ ก็เอาฉันเป็นศูนย์กลางความบันเทิงแล้ว ฉันขอกระจายความบันเทิงนี้ออกไปนอกห้องด้วยนะ อยู่ที่คุณจะอนุญาตหรือเปล่า..
เอวีรีซีฟเวอร์ในโฮมเธียเตอร์ที่รองรับระบบมัลติโซนจึงสามารถให้ใครก็ได้ที่ใช้งานต้องสามารถควบคุมการเล่นที่เกิดจากแหล่งโปรแกรมเดียวกัน หรือแหล่งโปรแกรมอื่นได้ นอกเหนือจากการรับฟังในห้องหลักเพื่อควบคุมการใช้งานผ่านพื้นที่อื่น ๆ ในบ้าน
หมายความว่าถ้าระบบมัลติโซนมันดีจริง ให้เสียงเพลงไปยังห้องอื่นได้ แต่ถ้าคุณไม่ชอบ หรืออยากฟังเพลงอื่นแล้วต้องเดินมาเลือกเพลงยังอีกห้องนึง มันก็เกม.. ไม่มีใครอยากใช้งานระบบแบบนี้แน่ ๆ
อีกตัวอย่าง เช่น ผู้ใช้สามารถชมภาพยนตร์ Blu-ray Disc หรือ DVD ที่มีเสียงเซอร์ราวนด์ในห้องหลัก ในขณะที่คนอื่นสามารถฟังเพลงจากเครื่องเล่นซีดีอีกเครื่องหนึ่งที่เชื่อมต่อไว้ได้ในเวลาเดียวกัน โดยมีข้อแม้อยู่ว่าเครื่องเล่น Blu-ray หรือ DVD และเครื่องเล่น CD ต้องเชื่อมต่อกับเอวีรีซีฟเวอร์ในชุดโฮมเธียเตอร์เดียวกัน
แต่ก็สามารถเข้าถึง และควบคุมแยกกันได้โดยใช้รีโมตการควบคุมของใครของมัน หรือจะใช้รีโมตคอนโทรลของเอวีรีซีฟเวอร์ ซึ่งโปรแกรมให้ควบคุมเครื่องเล่นเหล่านั้นได้ในบางรุ่น พอนึกภาพตามออกไหมครับทีนี้
การใช้งาน Multi-Zone
ความสามารถที่ต้องมีในเอวีรีซีฟเวอร์ที่ใช้งานในระบบ Multi-Zone ได้นั้นหลัก ๆ แล้วมีอยู่ 3 อย่างด้วยกันคือ
1. อิสระในการเลือกใช้ภาคขยาย ในเอวีรีซีฟเวอร์ที่มีภาคขยายทั้งหมด 7.1 Channel ผู้ใช้สามารถจัดสรรจำนวน Channel ได้เองอย่างอิสระตามการใช้งาน เช่น ถ้าใช้ดูหนังอยู่ในโหมด 5.1 แชนเนลสำหรับห้องหลัก ก็จะมีภาคขยายที่เหลือ 2 Channel ที่ยังว่างอยู่ (โดยปกติจะใช้กับลำโพงเซอร์ราวนด์ด้านหลัง) เพื่อนำมาใช้กับลำโพงในโซนที่สอง
นอกจากนี้ในเอวีรีซีฟเวอร์บางเครื่อง ยังมีคุณสมบัติที่สามารถนำภาคขยายมาใช้ได้ทั้งหมด 7.1 Channel ในห้องหลักได้ หากคุณไม่เอาไปขับลำโพงในโซนที่สองที่ตั้งค่าไว้ในเวลาเดียวกัน
2. ปรีเอาต์พุตสำหรับโซนอื่น ๆ นอกเหนือจากวิธีการในข้อ 1 แล้ว เอวีรีซีฟ-เวอร์ 7.1 Channel จำนวนมากถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานภาคขยายสัญญาณ 7.1 แบบเต็มรูปแบบสำหรับห้องหลัก แต่ก็ให้เอาต์พุตแบบ Preamp เพื่อส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ขยายเสียงภายนอก (ซื้อแยกต่างหาก) เพื่อนำไปใช้ในห้องอื่นที่สามารถทำได้
3. จำนวนโซนเยอะแสดงว่าเน้นเอวีรีซีฟเวอร์โฮมเธียเตอร์ระดับไฮเอนด์บางรุ่นจะมีความสามารถในการใช้งานทั้ง Zone 2 และ Zone 3 (หรือแม้แต่ Zone 4) นอกเหนือจากโซนหลักเอวีรีซีฟเวอร์เหล่านี้จะมีเอาต์พุตแบบ preamp สำหรับทุกโซนเพิ่มเติม ซึ่งต้องใช้เครื่องขยายเสียงแยกต่างหาก (นอกเหนือจากลำโพง) สำหรับแต่ละโซน อย่างไรก็ตาม เอวีรีซีฟเวอร์บางเครื่องจะให้คุณเลือกใช้โซน 2 หรือโซน 3 โดยใช้เครื่องขยายเสียงในตัวเครื่อง
ในการติดตั้งระบบมัลติโซนแบบเต็มที่ทั้งระบบ ผู้ใช้สามารถใช้โซนที่สองภายใน เอวีรีซีฟเวอร์ เอง และโซนที่สาม หรือสี่ โดยใช้เครื่องขยายเสียงแยกต่างหาก อย่างไรก็ตามหากคุณกำลังใช้เอวีรีซีฟเวอร์เพื่อรับผิดชอบกับการขยายลำโพงในโซนที่สอง คุณก็คงต้องเสียสละความสามารถในการรับฟังระบบเสียงเซอร์ราวนด์แบบ 7.1 ช่องจากในห้องหลัก แต่จะกลายเป็นระบบ 5.1
ในกรณีที่พบบ่อยในปัจจุบันก็คือ เอวีรีซีฟเวอร์ เดี๋ยวนี้อาจเผื่อมาให้ถึง 9, 11 หรือ 13 แชนเนล เพื่อนำไปใช้กับระบบเสียง Dolby atmos หรือ dts-x ทำให้การออกแบบระบบมัลติรูม มัลติโซนคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยหากใครที่นำเอวีฯ เหล่านี้มาใช้และยังไม่พร้อมที่จะใช้ระบบเสียงใหม่ ก็ทำให้เหลือภาคขยายเพื่อนำไปใช้กับอย่างอื่น
แน่นอนว่าระบบมัลติโซนเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ มันจะช่วยลดจำนวนอุปกรณ์ขยายเสียงภายนอกสำหรับโซนอื่น ๆ ลง ซึ่งในอนาคตก็สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยไม่ยุ่งยากมาก
สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชันมัลติโซน
นอกเหนือจากวิธีพื้นฐานที่จะใช้ความสามารถมัลติโซนของ เอวีรีซีฟเวอร์ในโฮมเธียเตอร์แล้ว ยังมีคุณลักษณะอื่น ๆ ที่เป็นข้อจำกัดที่คุณต้องรู้เอาไว้เสียหน่อยก่อนการติดตั้งมัลติโซนดังนี้
ในหลาย ๆ กรณีในขณะที่เอวีรีซีฟเวอร์สามารถรองรับได้ทั้งเสียง และภาพวิดีโอในบางรุ่นที่สามารถใช้งานฟังก์ชันวิดีโอสำหรับ Multi-Zone พวกเขาอาจจำกัดคุณภาพของสัญญาณไว้ที่สัญญาณวิดีโอคอมโพสิต หมายความว่าในขณะที่คุณใช้อุปกรณ์ที่เป็นวิดีโอความละเอียดสูงเต็มรูปแบบ รวมไปถึงแหล่งกำเนิดเสียงเซอร์ราวนด์ภายในห้องหลัก
แต่ในโซนอื่นที่เชื่อมต่อกับเอวีรีซีฟเวอร์อาจจะเป็นระบบเสียงสเตอริโออะนาล็อก และ/หรือ ระบบภาพที่เป็นอะนาล็อกเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้กับโซนที่สอง หรือสาม อย่างไรก็ตามเอวีรีซีฟเวอร์ระดับไฮเอนด์บางรุ่นจะมีการใช้สัญญาณวิดีโอคอมโพเนนต์ หรือเอาต์พุต HDMI สำหรับการใช้งาน Zone 2 หากการเชื่อมต่อระบบภาพมีความสำคัญกับคุณโปรดตรวจสอบสเปกของเอวีรีซีฟเวอร์ก่อนตัดสินใจซื้อ
เอวีรีซีฟเวอร์บางตัวอาจมีการออกแบบการเชื่อมต่อลำโพงเพิ่มเติมซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อสายลำโพงสำหรับการใช้งานแบบ 7.1 Channel ทิ้งไว้ ทั้ง ๆ ที่แชนเนลนี้นำไปใช้ร่วมกับโซนที่สองและ/หรือโซนสามทำให้มันใช้เพาเวอร์แอมป์ที่อยู่ในตัวในเอวีรีซีฟเวอร์เองร่วมกัน
อย่างไรก็ตามในการตั้งค่าการใช้งานประเภทนี้ ถ้าคุณต้องการใช้ลำโพงในโซนหลักเป็นระบบเสียงเซอร์ราวนด์ 7.1 แชนเนลเต็มรูปแบบ คุณจะไม่สามารถใช้ Zone 2 และ Zone 3 ในเวลาเดียวกันได้
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณต้องการใช้งาน Zone 2 หรือ Zone 3 คุณก็จะต้องระบุเปลี่ยนในเมนูปฏิบัติการของเอวีรีซีฟเวอร์จากโซนหลัก 7.1 แชนเนลเป็นช่องสัญญาณ 5.1 ช่อง ทำให้สามารถเพิ่มช่องสัญญาณอีกสองช่องเพื่อใช้ขับลำโพงได้ทั้ง Zone 2 และ Zone 3 แต่ก็มีเอวีรีซีฟเวอร์โฮมเธียเตอร์บางเครื่องจะทำหน้าที่เปลี่ยนฟังก์ชันนี้ให้อัตโนมัติเมื่อเปิดใช้งานคุณลักษณะโซนที่สอง
การใช้โซน 2 ห้องในห้องเดียวกัน
อีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจในการใช้เอวีรีซีฟเวอร์โฮมเธียเตอร์แบบ Multi-Zone คือการใช้ตัวเลือกโซนที่สองในห้องเดียวกับการตั้งค่าช่อง 5.1 / 7.1 กล่าวได้ว่าคุณจะสามารถมีตัวเลือกการฟัง 2 แชนเนลที่ควบคุมได้ครบทุกฟังก์ชันในการฟัง นอกเหนือไปจากตัวเลือกในการฟังแบบ 5.1 / 7.1 ในห้องเดียวกัน
การตั้งค่านี้ทำงานอย่างไรคุณจะต้อง Set up ลำโพงเพื่อใช้สำหรับโฮมเธียเตอร์ก่อนด้วยการกำหนดค่า 5.1 หรือ 7.1 ด้วยลำโพง 5 หรือ 7 ตัว รวมทั้งซับวูฟเฟอร์ที่คุณใช้เป็นหลัก แต่กรณีนี้คุณจะมีภาคขยายเสียงภายนอกเพิ่มเติม เพื่อออกมาทางช่องโซน 2 ของเอวีรีซีฟเวอร์ด้วยภาคขยายภายนอกที่เชื่อมต่อกับชุดลำโพงด้านหน้า ด้านหน้าซ้ายและขวา ที่คุณใช้เพื่อการฟังเฉพาะสำหรับเสียงแบบ 2 Channel เท่านั้น
ตัวเลือกการตั้งค่านี้จะใช้สำหรับผู้ที่ชอบการฟังแบบออดิโอไฟล์เป็นหลัก โดยเสียงที่ได้จะไม่ผ่านภาคขยายเสียงของเอวีรีซีฟเวอร์ โดยผลลัพธ์ที่ได้คือคุณจะได้ความบริสุทธิ์ของการฟังเพลงจากสเตอริโอสองแชนเนลที่มีคุณภาพสูงกว่า และมีพลังมากขึ้นได้ มันก็ขึ้นอยู่กับภาคขยายหรือ Amplifier ที่คุณนำมาต่อพ่วงด้วยนั้นแหละครับว่า
เมื่อมันใช้งานร่วมกับลำโพงที่แมตช์กันมาก ๆ แล้วผลลัพธ์มันจะวิเศษขนาดไหน อย่างไรก็ตามในเอวีรีซีฟเวอร์ของโฮมเธียเตอร์ที่มีหลายโซน สามารถควบคุมระบบทั้งคู่ได้จากภาค preamp ของ เอวีรีซีฟเวอร์ เครื่องเดียวกัน โดยไม่ต้องเป็นห่วงว่าเวลาเล่นทั้งโซนหลักและโซนที่สองมันจะวุ่นวายเมื่อต้องทำงานในเวลาเดียวกัน และคุณสามารถล็อกแหล่งสัญญาณสองแชนเนล (เช่นเครื่องเล่นซีดีหรือแผ่นเสียง) ให้เป็นแหล่งโปรแกรมที่กำหนดให้ไว้สำหรับโซนที่ 2
หลายคนคิดว่า Zone 2 (หรือโซน 3 หรือ 4) สามารถใช้ได้เฉพาะในห้องอื่น แต่นั่นไม่ใช่การใช้มัลติโซนได้อย่างคุ้มค่า กรณีนี้การใช้โซนที่สองในห้องหลักของคุณ จะทำให้คุณสามารถฟังเพลงโดยใช้ระบบเสียง Stereo ที่สามารถเอาใจใส่ หรือใส่ความต้องการกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ลงไปได้ (โดยใช้ลำโพงเสริมและแอมป์) ในห้องเดียวกัน ซึ่งอาจมีการตั้งค่าเป็น 5.1 หรือ 7.1 ในการเอามาใช้ดูหนังไปด้วยในตัว
แน่นอนว่าการตั้งค่านี้อาจจะเพิ่มความวุ่นวายของลำโพงในห้องของคุณเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย เนื่องจากคุณจะมีชุดลำโพงด้านหน้า ซ้ายและขวาสองชุด และคุณจะไม่ได้ใช้ทั้งสองระบบในเวลาเดียวกันเนื่องจากวัตถุประสงค์เพื่อใช้งานมันต่างกัน
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรคำนึงถึงในการใช้เอวีรีซีฟเวอร์โฮมเธียเตอร์ในการตั้งค่าโซนหลายโซน
แนวคิดในแบบรวมศูนย์เพื่อควบคุมองค์ประกอบทั้งหมดในโฮมเธียเตอร์ของคุณด้วยเอวีรีซีฟเวอร์หนึ่งเครื่อง เป็นความสะดวกสบายที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อพูดถึงความสามารถในการใช้งานหลายโซน จึงมีบางอย่างเพื่อพิจารณาเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย (สำหรับเอวีรีซีฟเวอร์ที่สามารถทำมัลติโซนได้ แต่ยังไม่สามารถเชื่อมต่อผ่านระบบเน็ตเวิร์กได้)
หากเครื่องรับของคุณไม่ได้มาพร้อมกับรีโมตคอนโทรลตัวที่ 2 เพื่อใช้ในโซนที่สอง หรือสาม คุณจะต้องเดินไปที่ตัวรับสัญญาณในห้องหลักของคุณเพื่อเปลี่ยนแหล่งจ่ายไฟเพื่อส่งไปยังโซนที่สองหรือสาม
แม้ว่าจะมีการใช้รีโมตคอนโทรลตัวที่ 2 สำหรับการใช้งาน Zone ที่สอง และ/หรือ Zone ที่สาม คุณยังคงต้องติดตั้งตัวรับสัญญาณควบคุมระยะไกลไว้ในห้องของโซนที่สองหรือสามเพื่อใช้รีโมตในห้องเหล่านั้นสำหรับควบคุมแหล่งโปรแกรมที่คุณใช้งานโดยการเข้าถึงจากตัวเอวีรีซีฟเวอร์หลักได้ด้วย
ในปัจจุบันการควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ของ เอวีรีซีฟเวอร์ จะใช้สมาร์ทโฟนที่ลงแอปพลิเคชันเพื่อเปลี่ยนการทำงานให้เป็นเหมือน Remote Control ผ่าน ระบบ WiFi ที่เชื่อมต่อถึงกันในบ้าน
Wireless Multi-Room Audio Option
ทางเลือกหนึ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับเสียงภายในบ้าน (ไม่ใช่วิดีโอ) คือ Wireless Multi-Room Audio ระบบนี้ใช้ตัวรับสัญญาณโฮมเธียเตอร์ที่ติดตั้งอุปกรณ์อย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถส่งสัญญาณเสียงสเตอริโอแบบไร้สายจากแหล่งที่กำหนดไปยังลำโพงไร้สายที่สามารถใช้ร่วมกันได้รอบ ๆ บ้าน
ส่วนใหญ่ของระบบประเภทนี้บางเจ้าจะยังเป็นระบบปิดอยู่ หมายความว่ามันใช้งานได้เฉพาะลำโพงไร้สายที่เฉพาะเจาะจงยี่ห้อและรุ่นจากทางผู้คิดระบบของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นระบบสำหรับการทำงานร่วมกับ เอวีรีซีฟ-เวอร์ และโฮมเธียเตอร์ที่มีตราสินค้าเฉพาะของระบบเหล่านี้ ได้แก่ Sonos, Yamaha MusicCast, DTS Play-Fi, FireConnect (ใช้โดย Onkyo) และ HEOS (Denon / Marantz)
เอวีรีซีฟเวอร์โฮมเธียเตอร์บางรุ่นมีทั้งคุณสมบัติ Multi-Zone และ Wireless Multi-Room Audio สำหรับการเพิ่มความยืดหยุ่นในการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความบันเทิงในบ้านกันถ้วนหน้าแล้วเวลานี้
The Bottom Line
สำหรับรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับเอวีรีซีฟเวอร์โฮมเธียเตอร์หรือสเตอริโอรีซีฟเวอร์ที่เจาะจงใช้ความสามารถ Multi-Zone คุณควรอ่านคู่มือผู้ใช้สำหรับเอวีรีซีฟเวอร์นั้น ๆ ให้ละเอียด คู่มือผู้ใช้ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดได้โดยตรงจากเว็บไซต์ของผู้ผลิต
เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบว่าโฮมเธียเตอร์ หรือสเตอริโอรีซีฟเวอร์ที่มีความสามารถในการใช้งานแบบมัลติโซนนั้น มีไว้เพื่อใช้สำหรับเอารูปภาพ, วิดีโอ หรือเสียง แพร่ออกไปยังสถานที่ที่สอง/หรือสาม สำหรับการฟังเพลงหรือการดูวิดีโอ ซึ่งหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ห่างไกลความเข้าใจของคนใช้งานทั่ว ๆ ไปหลายคน
หากคุณต้องการติดตั้งระบบเสียงแบบมีสาย หรือระบบเสียง / ภาพวิดีโอที่ครอบคลุมทั้งบ้านโดยใช้เอวีรีซีฟเวอร์ในโฮมเธียเตอร์ของคุณเป็นศูนย์กลางการควบคุมแบบที่ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก อยากจะใช้งานอย่างเดียว คุณอาจจะต้องได้รับคำปรึกษาจากช่างติดตั้งโฮมเธียเตอร์ หรือช่างติดตั้งระบบมัลติรูมโดยตรงเพื่อประเมินความต้องการ และให้คำแนะนำในอุปกรณ์เฉพาะ (เช่นเซิร์ฟเวอร์เพลง หรือวิดีโอ / การวางระบบเดินสายลำโพง, เครื่องขยายเสียง ฯลฯ ) ที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นให้ได้..