ยอดขายต่อหน่วยของแผ่นเสียงแซงหน้าแผ่นซีดีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1987
ไม่ใช่เพียงแค่ความเห่อชั่วครั้งชั่วคราวสำหรับคนฟังเพลงและฮิปสเตอร์อีกต่อไป ในเวลานี้แผ่นเสียงกำลังกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นท่ามกลางการฟังเพลงในรูปแบบที่เป็นกระแสหลัก
ข้อมูลดังกล่าวมาจากรายงานรายได้ประจำปีของสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (RIAA) ซึ่งระบุว่าในปีที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกาแผ่นเสียงไวนิลนั้นมียอดจำหน่ายแซงหน้าแผ่นซีดีแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1987 (พ.ศ. 2530) โดยแผ่นเสียงมียอดจำหน่ายถึง 41 ล้านแผ่น ขณะที่แผ่นซีดีมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 33 ล้านแผ่น
ในช่วง 16 ปีที่ผ่านมายอดขายแผ่นเสียงไวนิลนั้นมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อ ตามรายงานของ RIAA ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายแผ่นเสียงไวนิลขณะนี้คิดเป็น 71 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่มาจากการจำหน่ายสื่อบันทึกเพลงแบบจับต้องได้ทั้งหมด
อัตราการเติบโตนี้น่าสนใจเลยทีเดียว ในขณะที่ยอดจำหน่ายสื่อบันทึกเสียงแบบจับต้องได้นั้นเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ และทำรายได้รวมอยู่ที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2021 ถึง 2022 เฉพาะยอดขายแผ่นเสียงเพียงอย่างเดียวนั้นคิดเป็น 1.2 พันล้านดอลลาร์ไปแล้ว โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายแผ่นซีดีนั้นลดลง 18 เปอร์เซ็นต์ในปี 2022
RIAA ไม่ใช่หน่วยงานแรกที่อ้างว่าแผ่นเสียงนั้นมียอดขายแซงหน้าแผ่นซีดี สมาคมผู้ค้าปลีกเพื่อความบันเทิง (ERA) ก็ได้รายงานเหตุการณ์สำคัญเดียวกันเมื่อต้นปีนี้แม้ว่าตัวเลขจะอ้างอิงเฉพาะข้อมูลการขายในสหราชอาณาจักรเท่านั้น
นอกจากนี้ ความสนใจต่อรูปแบบดังกล่าวยังเกิดขึ้นนอกสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา โดยมีรายงานการเติบโตของยอดขายในทำนองเดียวกันนี้ทั้งในเยอรมนี ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
มีหลายปัจจัยที่ผลักดันการฟื้นตัวของไวนิล นักเล่นเครื่องเสียงหลายคนอ้างว่ามันให้เสียงที่อบอุ่นกว่าและสมจริงกว่าเมื่อเทียบกับระบบเสียงดิจิทัล ขณะที่การหวนรำลึกถึงความหลังก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญเช่นกันสำหรับผู้ที่มีชีวิตอยู่ในยุคทองของแผ่นเสียง
แต่คนรุ่นใหม่ก็กำลังกระตุ้นยอดขายเช่นกัน โดยยกย่องความสามารถในการจับต้องได้และงานศิลปะของรูปแบบ ศิลปินผู้คนในกลุ่ม Gen-Z และกลุ่มประชากรมิลเลนเนียลสร้างยอดขายเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 โดยเทย์เลอร์ สวิฟต์เป็นศิลปินที่มียอดขายสูงสุดในปีที่แล้ว เฉพาะยอดขายแผ่นเสียงไวนิลเพียงอย่างเดียวก็เกือบ 1.7 ล้านแผ่นเข้าไปแล้ว ซึ่งมากกว่าของ Harry Styles (ยอดขาย 719,000 แผ่น) และ The Beatles (ยอดขายรวม 553,000 แผ่น) รวมกันเสียอีก ตามรายงานยอดขายประจำปีของ Luminate
ในขณะที่แผ่นเสียงนั้นฟื้นกลับมาอย่างน่าประทับใจ ทว่าการสตรีมเพลงยังคงครองตำแหน่งสูงสุด จากรายงานของ RIAA พบว่าบริการสตรีมเพลงอย่าง Spotify และ Apple Music คิดเป็น 84% ของรายได้จากเพลงทั้งหมดในปี 2022 โดยเติบโตขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.3 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ยอดขายในรูปแบบของดาวน์โหลดเพลงดิจิทัลยังคงลดลง โดยลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้เหลือเพียง 495 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในปี 2021 ก็เคยลดลงไปแล้ว 12 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าเพลงดิจิทัลจะได้รับความนิยมแต่ดูเหมือนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายในการสตรีมมากกว่าการได้ถือครองไฟล์เสียงเหล่านั้นเก็บเอาไว้ ซึ่งแตกต่างจากในกรณีของแผ่นซีดีและแผ่นเสียงที่พวกเขาจะได้จับถือสิ่งที่เป็นวัตถุจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปกแผ่นหรือตัวเล่มเอกสารที่บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับงานชุดนั้นเอาไว้
ที่มา: The Verge