Sony ประกาศกลยุทธ์พร้อมรุกสินค้ากลุ่มหูฟัง โฟกัสที่สินค้าระดับไฮเอนด์มากขึ้น
สำนักข่าว The Wall Street Journal รายงานสถานการณ์การตลาดของสินค้ายี่ห้อ Sony ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่าทางบริษัทโซนี่ คอร์ปอเรชั่น นำโดย Mr.Ichiro Takagi ประกาศกลยุทธ์นำโซนี่กลับมาทวงเจ้าตลาดสินค้าในกลุ่มออดิโอมากขึ้น นำทัพโดยสินค้าในกลุ่มหูฟัง และจะโฟกัสไปที่สินค้าในกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น
Ichiro Takagi เล่าว่าเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนที่เขาเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้บริหารใหม่ ๆ เขาพบว่าพนักงานของโซนี่ภูมิใจมากที่ได้เป็นเบอร์หนึ่งของยอดขายหูฟังทั่วโลก เมื่อวัดกันที่จำนวนหน่วยการขาย แต่เขารู้สึกประหลาดใจเช่นกันกับยอดขายของหูฟังราคาถูก ๆ ตามร้านสะดวกซื้อ
ประเด็นของเขาคือ ยอดขายไม่ได้เป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จเพียงอย่างเดียว เพราะหูฟังราคาถูก ๆ ก็ทำยอดขายได้ถล่มทลายเช่นกัน เขากลับมุ่งไปที่ brand image หรือ “ภาพลักษณ์ของยี่ห้อ”
ล่าสุด Mr.Takagi ได้ขึ้นพรีเซ็นต์หูฟังไร้สายรุ่นเรือธง WH-1000XM3 ราคา $350 ด้วยตัวเองในงานโชว์ที่เบอร์ลิน (IFA 2018) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หูฟังรุ่นนี้โซนี่ตั้งใจทำออกมาเพื่อต่อกรกับเจ้าตลาดที่มียอดจำหน่ายถล่มทลายอย่างหูฟังยี่ห้อ Bose และหูฟังสายแฟชันอย่าง Beats ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การทำตลาดโดย Apple Inc.
เป้าหมายของโซนี่คือ กลุ่มลูกค้าที่มองหาหูฟังที่มีคุณภาพดีกว่าหูฟังที่แถมมากับสมาร์ทโฟน โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาโซนี่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับหูฟังเป็นอันดับที่ 3 โดยมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 11%
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้โซนี่กลับมาโฟกัสที่สินค้าในกลุ่มเครื่องเสียงซึ่งสร้างชื่อให้กับบริษัทมาตั้งแต่ปี 1950 ก็คือ เมื่อต้นปีที่ผ่านมายอดขายสินค้าในกลุ่มเครื่องเสียงของโซนี่กลับมาโตขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี หลังจากที่เคยลดลงสูงสุดถึง 80% มาแล้วก่อนหน้านี้ แม้แต่สินค้าในกลุ่มทีวีที่เคยขาดทุนก็ฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นอย่างมาก
อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ผู้บริหารของโซนี่มองว่า การเติบโตของธุรกิจให้บริการเพลงออนไลน์อย่างเช่น Spotify, Deezer หรือผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดหูฟังได้เป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนใช้เวลากับการฟังเพลงมากขึ้นโดยเฉพาะในขณะที่กำลังเดินทาง สำหรับผู้ให้บริการเพลงออนไลน์ที่มีเพลงแบบ Hi-Res Audio ด้วยก็จะเป็นการช่วยสนับสนุนตลาดของหูฟังระดับไฮเอนด์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นไปอีก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โซนี่ประกาศจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าในกลุ่มเครื่องเสียง แต่เป็นการตอกย้ำสิ่งที่เคยประกาศเจตนารมย์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2012 ว่าโซนี่จะโฟกัสไปที่สินค้าเครื่องเสียงคุณภาพสูงโดยเฉพาะในกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น และจะไม่ทำสินค้าราคาถูกลงไปแข่งขันในตลาดล่าง
นอกจากสินค้าในกลุ่มไฮเอนด์ โซนี่ยังมองไปยังกลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุน้อยลง เป็นกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่มี Beats เป็นคู่แข่งโดยตรง โดยโซนี่จะทำสินค้าที่สามารถโชว์ในเรื่องของแฟชั่นได้ ในขณะที่ยังมีคุณภาพเสียงที่ดีด้วย ด้วยความเข้าใจว่าเครื่องเสียงยุคนี้โดยเฉพาะหูฟัง มันไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของเครื่องเสียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องประดับได้ด้วยในเวลาที่ไม่ได้ฟังเพลง
Mr.Takagi ยังยืนยันคำมั่นทิ้งท้ายด้วยว่า “ธุรกิจเครื่องเสียงนั้นยังคงน่าสนใจตราบใดที่ผู้คนยังฟังเพลงกันอยู่ ชื่อของเครื่องเสียงจากโซนี่นั้นยังคงได้รับการยอมรับและยังอยู่ในใจของหลาย ๆ คน ซึ่งความเชื่อมั่นตรงนี้ไม่ได้สร้างกันมาได้ง่าย ๆ และเราต้องไม่ลืมว่ารากฐานของโซนี่นั้นก็คือ ‘เครื่องเสียง’ นั่นเอง”*
*ชื่อ Sony มีที่มาจากการนำคำ 2 คำมาผสมกัน คำแรกคือ “Sonus” ในภาษาละติน มีความหมายว่า “เสียง” หรือ “เกี่ยวกับเสียง” อีกคำหนึ่งคือ “Sonny” ซึ่งเป็นคำ slang หมายถึง “ลูกชายตัวน้อย”