รีวิว JBL : Cinema SB150
เวลาเราจะถอยทีวีเครื่องใหม่ป้ายแดงมาใช้ที่บ้าน หลังจากหาข้อมูล ไปลองชมที่ร้านหรือโชว์รูม จนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขายกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราอาจจะหลงลืมกันไปก็คือเรื่อง ‘ระบบเสียง’ เวลามองหาทีวีคนส่วนมากมองแค่ภาพคมชัดไหม สีสันเป็นอย่างไร คือเรามักจะให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพภาพหรือ video quality เป็นหลัก แต่อย่าลืมว่าการรับชมทีวีให้ได้อรรถรส คุณภาพของภาพและเสียง ‘ควรจะ’ ต้องได้รับการพิจารณาควบคู่กันไป
และอย่างที่เราทราบกันดีว่าในปัจจุบันทีวีส่วนใหญ่โดยเฉพาะที่จอแบน ๆ บาง ๆ มักจะมีข้อจำกัดมากในเรื่องของระบบเสียง เนื่องจากมีพื้นที่จำกัดเหลือเกินสำหรับการใส่ตัวลำโพงเข้าไป หนทางหนึ่งที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ก็คือ การเพิ่มระบบเสียงภายนอกผนวกเข้าไป ระบบเสียงภายนอกที่ว่านี้ก็มีตั้งแต่ระบบเสียงรอบทิศทางชุดใหญ่โต จนถึงชุดลำโพงซาวด์บาร์ขนาดย่อม แต่ละรูปแบบก็มีดีมีด้อยแตกต่างกันไป
ทว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากระแสลำโพงประเภทซาวด์บาร์นั้นมาแรงเป็นพิเศษ เข้าใจว่าเพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้ดี คือทำอย่างไรให้ได้เสียงที่ดีกว่าทีวี ใช้สะดวกเล่นง่ายและที่สำคัญต้องสบายกระเป๋า
ซาวด์บาร์ขนาดกะทะรัดจากเจบีแอล
ที่ผ่านมาเมื่อคิดถึงลำโพงซาวด์บาร์ ผมมักจะตั้งงบประมาณไว้ในใจคร่าว ๆ ตั้งแต่ 10,000-15,000 บาท เพื่อใช้กับทีวีในระดับกลางยอดนิยมเช่นทีวีจอกว้างตั้งแต่ 42-55 นิ้ว ลำโพงซาวด์บาร์ราคาต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาทลงไปนี่ต้องบอกว่ายังไม่ได้ค่อยเจอตัวที่ให้คุณภาพประทับใจจนอยากจะบอกต่อหรือเชียร์ให้ไปซื้อมาเล่น หลายรุ่นทำมาเหมือนจะตั้งใจใช้เป็นของแถมขายพ่วงไปกับทีวีก็มี
แต่สำหรับ JBL รุ่น Cinema SB150 ซึ่งเป็นลำโพงซาวด์บาร์รุ่นเล็กสุดของเจบีแอล เป็นอะไรที่แตกต่างตั้งแต่แรกเห็น ไม่ใช่เพียงเพราะมันติดยี่ห้อเจบีแอล แต่โหงวเฮ้งและองค์ประกอบของลำโพงรุ่นนี้มันเป็นอะไรที่แตกต่างเลยล่ะครับ SB150 เป็นชุดลำโพงระบบเสียง 2.1 แชนเนล ประกอบไปด้วยลำโพง 2 หน่วย
ลำโพงหลักเป็นแท่งซาวด์บาร์ความยาว 80 เซ็นติเมตร สูง 6.5 เซ็นติเมตร ลึก 9 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม ตัวตู้ออกแบบให้มีท่อเบสเป็นช่องเปิดเล็ก ๆ บริเวณด้านข้างซ้าย/ขวาของตู้ วัสดุหลักของตัวตู้ทำจากพลาสติกเนื้อดี งานประกอบเรียบร้อยสมกับเป็นสินค้าแบรนด์ดัง
ตัวลำโพงซาวด์บาร์จะทำงานร่วมกับลำโพงแอคทีฟซับวูฟเฟอร์แบบตู้เปิดดีไซน์กะทัดรัด หน้ากว้างเพียง 12 เซ็นติเมตร สูง 41 เซ็นติเมตร ลึก 30 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 4.2 กิโลกรัม ติดตั้งไดรเวอร์ขนาด 6.5 นิ้วไว้ที่ด้านข้างของตู้ลำโพง ด้านหลังเป็นท่อเปิดเบสรีเฟล็กซ์ขนาดใหญ่
ลำโพงแอคทีฟซับวูฟเฟอร์ตัวนี้ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับลำโพงหลักด้วยระบบไร้สาย ทั้งชุดมีการตอบสนองความถี่รวมตั้งแต่ 45Hz-20kHz ให้เสียงกระหึ่มด้วยภาคขยายเสียงกำลังขับรวม 150 วัตต์
SB150 มีวงจรประมวลผลเสียงดิจิตอลที่รองรับการถอดรหัสเสียง ‘Dolby Digital’ และมีโหมดปรับเสียง 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมนั่นคือโหมด Movie (ดูหนัง), Music (ฟังเพลง) และ News (ฟังข่าว) การเชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากภายนอกสามารถทำได้ 3 ช่องทางด้วยกันคือ Optical (สัญญาณดิจิตอล), Aux In (สัญญาณอะนาล็อก) และ Bluetooth (สัญญาณดิจิตอลไร้สาย)
ในด้านการควบคุมสั่งงาน สามารถทำได้ผ่านปุ่มกดที่เรียงเป็นแถวอยู่บนตัวลำโพงซาวด์บาร์ หรือที่รีโมทคอนโทรลอินฟราเรดขนาดเล็กแบบคีย์การ์ด นอกจากนั้น SB150 ยังมีระบบปิดการทำงานอัตโนมัติ (Auto turn-off) เมื่อไม่มีสัญญาณเข้ามาเป็นระยะเวลาประมาณ 10 นาที เพื่อช่วยในการประหยัดพลังงาน
อุปกรณ์ครบ ติดตั้งง่าย ใช้งานได้เลย
SB150 มาในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกล่องกระดาษแบน ๆ สีสันสดใสสไตล์เจบีแอล เห็นตัวกล่องทีแรกนึกว่าเป็นกล่องทีวีครับ เพราะมันเป็นกล่องแบน ๆ (ฮา) นอกจากตัว soundbar, subwoofer และรีโมทคอนโทรลแล้ว ในกล่องยังมีอุปกรณ์มาตรฐานให้มาพร้อมใช้งาน
ไม่ว่าจะเป็นสายไฟเอซีที่มีหัวปลั๊กแบบต่าง ๆ อย่างละ 2 ชุด เนื่องจากตัว soundbar และ subwoofer จะใช้สายไฟเอซีแยกอิสระจากกัน, สายสัญญาณอะนาล็อก RCA Stereo to mini 3.5mmสำหรับ Aux In, สายดิจิตอล Optical, ชุดอุปกรณ์สำหรับยึดลำโพงซาวด์บาร์ไว้กับฝาผนัง ตลอดจนคู่มือและเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการรับประกัน
บนตัวซาวด์บาร์มีปุ่มกดอยู่ 6 ปุ่ม (เปิด/ปิด, เลือกอินพุต, ลดเสียง, เพิ่มเสียง, เงียบเสียง และจับคู่บลูทูธ) พร้อมทั้งไฟแสดงผลที่ซ่อนอยู่หลังตะแกรงหน้าตัวลำโพงซึ่งสามารถแสดงผลได้ 4 สี สีส้มคือ Standby, สีเขียวคือใช้งานอินพุต Aux, สีฟ้าคือใช้งานอินพุต Bluetooth และสีขาวคือใช้งานอินพุต Optical
สำหรับปุ่มควบคุมที่รีโมทคอนโทรลนอกจากปุ่มที่ทำหน้าที่เหมือนปุ่มบนตัวซาวด์บาร์แล้วยังมีปุ่มที่เพิ่มมาอีกหลายฟังก์ชั่นเช่น ปุ่มเลือกใช้/ไม่ใช้เสียงตอบรับการทำงานของฟังก์ชั่นต่าง ๆ (Audio Feedback), ปุ่ม BASS ปรับเพิ่ม-ลดปริมาณเสียงทุ้มของลำโพงซับวูฟเฟอร์ และปุ่มเลือกโหมดเสียง (Movie, Music, News) เวลาใช้งานจริงผมก็ใช้รีโมทคอนโทรลเป็นหลักล่ะครับ สะดวกดี ก่อนใช้งานรีโมทตัวนี้อย่าลืมดึงแผ่นพลาสติกใสตรงขั้วแบตเตอรี่แบบกระดุมออกเสียก่อน
จุดเชื่อมต่อสัญญาณเสียงทั้งหมดจะอยู่ที่ด้านหลังตัวลำโพงซาวด์บาร์ สำหรับพอร์ต USB ที่ด้านหลังลำโพงซาวด์บาร์นั้นไม่ได้มีไว้สำหรับสัญญาณเสียงนะครับ แต่มีไว้สำหรับอัพเดทซอฟต์แวร์เท่านั้น (For software update only)
การเชื่อมต่อแบบไร้สายระหว่าง soundbar และ subwoofer นั้นก็ง่ายกว่าที่คิดครับ เปิดลำโพงทั้งสองแล้วก็แค่กดปุ่ม ‘PAIR’ ที่อยู่ด้านหลัง subwoofer รอจนไฟแสดงผลใกล้ ๆ ปุ่ม ‘PAIR’ ติดสว่างต่อเนื่องเป็นสีส้ม ไม่กระพริบไปมา ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการเชื่อมต่อไร้สายระหว่าง soundbar และ subwoofer แล้ว
สำหรับระยะห่างมากที่สุดระหว่าง soundbar และ subwoofer ตามสเปคฯ แจ้งไว้คือไม่เกิน 50 ฟุต หรือราว ๆ 15.3 เมตร แต่ในการใช้งานจริงไม่แนะนำให้วางห่างกันมากกว่า 3-5 เมตรเพราะอาจจะทำให้เสียงไม่กลมกลืนกันได้
เมื่อผมใช้ Cinema SB150 กับทีวี
ในขณะที่ผมคิดว่าทีวีสมัยใหม่เขาไม่ค่อยเน้นเรื่องคุณภาพเสียงมากนัก แต่นั่นก็เป็นเพียงมุมมองเฉพาะบุคคล เพราะถ้าหากเราได้ลองใช้งานกันจริง ๆ แล้วจะพบว่าทางผู้ผลิตทีวีเองเขาก็พยายามทำให้มันเสียงดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดนั่นแหละครับ
อย่างเช่นทีวีของ LG ที่ใช้งานทั่วไปอยู่ภายในสำนักงานของ GM2000 แม้ว่าลำโพงในตัวจะเหมาะเอาไว้ฟังข่าวอย่างเดียว เพราะสุ้มเสียงนั้นไม่อิ่ม ไม่แน่นและไม่กระหึ่มเอาซะเลย แต่ก็ยังสามารถปรับแต่งได้ประมาณหนึ่งจากเมนูเสียงของตัวทีวีเอง เช่นเดียวกับทีวีสมัยใหม่ที่มีเมนูเสียงให้ปรับแต่งได้ประมาณหนึ่งเช่นกัน
แต่จากที่ผมได้ลองปรับก็พบว่า เสียงที่ได้จากลำโพงในตัวทีวีเองมีคุณภาพดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังฟังออกชัดว่าเป็นเสียงจากทีวีอยู่ เสียงยังไม่มีเนื้อไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควร ยิ่งเปิดดังจะยิ่งรู้สึกว่าฟังดูเจี๊ยวจ๊าว แต่เมื่อเอา SB150 ต่อเพิ่มเข้าไปอย่างง่ายที่สุดโดยต่อสัญญาณเสียง Audio Out จากด้านหลังของทีวีมาเข้าที่ Aux In ของซาวด์บาร์ เสียงที่ได้ก็น่าฟังขึ้นเยอะเลยทีเดียวครับ
ผมลองต่อ Google Chromecast เข้ากับทีวีแล้วนั่งชมตัวอย่างหนังดังที่มีเอฟเฟ็คต์เสียงเทพ ๆ จากใน YouTube อย่างเช่นเรื่อง The Great Wall, Wonder Woman, หรือ Transformers: The Last Knight แค่นี้ก็ฟินมากแล้ว
จุดที่ลำโพงชุดนี้ทำให้เสียงดีขึ้นอย่างชัดเจนก็คือ น้ำเสียงที่เปิดลอยออกมาไม่จมอยู่ในตัวทีวี เป็นเสียงที่มีความคมชัดสดใส มีเสียงทุ้มที่ความอิ่มแน่นและมีเนื้อเสียงในภาพรวมที่เต็มอิ่มมากขึ้นในคราวเดียวกัน เป็นเสียงที่มีรายละเอียดดีขึ้นและมีเสียงทุ้มที่ฟังสนุกกว่าเดิม เรียกว่ากดฟังสลับไปมาระหว่างลำโพงในตัวทีวีเทียบกับ SB150 ก็ได้ยินความแตกต่างที่ชัดเจนมากจริง ๆ มากชนิดที่ว่าใคร ๆ ก็ฟังออกอย่างนั้นเลย
หลังจากเพิ่ม SB150 เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นการดูรายการทีวีธรรมดาทั่วไป การสตรีมวิดีโอออนไลน์หรือดูหนังจากแผ่นบลูเรย์ทั่วไปก็ได้เสียงที่ฟังดีขึ้นเยอะเลยครับ เยอะชนิดที่ว่าลำโพงในตัวทีวีน่ะปิดเสียงไปได้เลยแบบถาวร!
ผมยังได้ลองต่อระบบเสียงของ SB150 กับเครื่องเล่นบลูเรย์ Cambridge Audio รุ่น azur 751BD ทางช่อง Optical Out ด้วย เสียงที่ได้จาก SB150 ก็ดียิ่งขึ้นไปอีกอย่างน้อยเป็นเท่าตัวครับเพราะการต่อเล่นแบบนี้ตัวลำโพงซาวด์บาร์มันจะรองรับการถอดรหัส Dolby Digital ด้วย ทั้งรายละเอียดและความเร้าใจของเสียงมันก็ดีขึ้นไปอีกอย่างชัดเจน
ตัวลำโพงซับวูฟเฟอร์นั้นนอกจากจะมีอิสระในการวางเนื่องจากเป็นระบบไร้สายแล้ว ยังให้เสียงที่เกินคาดครับ ทีแรกผมเห็นว่ามันเป็นลำโพงซับวูฟเฟอร์ตัวเล็ก ๆ คงจะเน้นดีไซน์ให้จัดวางง่ายเป็นหลัก สุ้มเสียงคงไม่หนักแน่นสักเท่าไรกระมัง แต่พอใช้งานจริงแล้วเสียงมันไม่เล็กเลย เรียกว่าเกินตัวนิด ๆ เสียด้วยซ้ำครับ อีกทั้งยังเล่นได้ดังเพียงพอกับระยะนั่งห่างจากทีวีถึง 4-5 เมตรได้สบาย ๆ
ส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากการออกแบบที่ไม่ได้ละเลยแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ตัวตู้ที่ทำจากไม้และมีน้ำหนักพอสมควร ไม่ใช่เป็นไม้บาง ๆ หรือตู้พลาสติกเหมือนซับวูฟเฟอร์ในลำโพงซาวด์บาร์ขนาดเล็กทั่วไป การปรับเพิ่ม BASS จากรีโมทก็ไม่ได้เป็นการเพิ่มเสียงทุ้มขึ้นมาแบบตูมตามหรือว่าเป็นเสียงทุ้มที่มีแต่ปริมาณหาได้มีคุณภาพไม่แต่อย่างใด
เสียงทุ้มของเขายังเป็นเสียงที่มีคุณภาพสมกับเป็นสินค้าของเจบีแอลจริง ๆ อันนี้รู้สึกจริง ๆ นะครับไม่ได้มาอวยกันแบบไร้เหตุผล โหมดปรับ EQ จูนเสียงที่เลือกได้ระหว่าง Movie, Music และ News ผมว่าทางเจบีแอลทำมาได้ดีเลย จากการลองใช้งานโหมด ‘Movie’ จะให้เสียงโดยภาพรวมที่กว้าง ลึก และโอบล้อมมากกว่า อีกทั้งยังมีการหนุนเสียงทุ้มให้มีน้ำหนักเด่นกว่าโหมดอื่น ๆ ทำให้เสียงเอฟเฟ็คต์ต่าง ๆ ฟังดูกระหึ่มเร้าใจดี
ส่วนโหมด ‘Music’ จะให้เสียงที่เน้นความชัดเจนและมิติเสียงตรงกลางเป็นหลัก ไม่กว้าง ไม่โอบล้อมเท่าโหมดดูหนัง เสียงทุ้มจะฟังดูกลมกลืนกับเสียงกลางและแหลมมากขึ้น ได้ลองแล้วผมก็เห็นด้วยล่ะครับว่าโหมดนี้เหมาะกับการฟังเสียงเพลงจริง ๆ ถ้าชอบให้มีเบสมากกว่าปกติสักหน่อยก็แค่ปรับเพิ่มทุ้มที่ปุ่ม BASS จากรีโมทเอาได้อีก
สำหรับโหมด ‘News’ เสียงจากซาวด์บาร์จะเด่นกว่าซับวูฟเฟอร์ วงจร EQ ในตัว SB150 จะปรับให้เสียงกลางลอยเด่นออกมา ในขณะที่เสียงแหลมและทุ้มจะถูกลดทอนลงไปตามลำดับเพื่อให้เสียงสนทนามีความชัดเจนมากกว่าปกติ โหมดนี้เอาไว้สำหรับรับชมการรายงานข่าวหรือพวกรายการทอล์คโชว์ที่นั่งคุยกันก็น่าจะเหมาะสมดีครับ
จากการประเมินด้วยเสียงที่ได้ยินได้ฟัง ผมว่าลำโพงซาวด์บาร์รุ่นนี้น่าจะเหมาะกับทีวีขนาดตั้งแต่ 32-55 นิ้วโดยประมาณ ไม่ใช่เพียงแค่การดูจากขนาดความยาวของตัวลำโพงซาวด์บาร์ แต่ทีวีในขนาดประมาณนี้ระยะนั่งชมปกติจะอยู่ราว ๆ 3-4 เมตร ซึ่งยังอยู่ในระยะที่เสียงจาก SB150 ยังพอให้ความรู้สึกแผ่กว้างและโอบล้อมได้ดี ดีทั้งในด้านกว้างและในแนวดิ่งอีกต่างหาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโหมด Movie จนบางครั้งให้ความรู้สึก ‘คล้ายกับ’ กำลังรับฟังเสียงที่มีลำโพงวางอยู่ด้านข้างด้วย หากนั่งชมในระยะที่ห่างจากลำโพงมากกว่านั้นความรู้สึกโอบล้อมของเสียงดังกล่าวจะลดน้อยลงไปตามลำดับ ถ้าเป็นในกรณีหลังนี้แนะนำให้พิจารณาเลือกใช้ลำโพงซาวด์บาร์ที่มีขนาดใหญ่กว่านี้แทน
เมื่อผมใช้เป็นลำโพงฟังเพลงผ่านบลูทูธ
ด้วยความที่เห็นว่า SB150 สามารถรับเสียงทางบลูทูธได้ด้วย ผมจึงลองใช้มันเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Huawei Mate 9 เพื่อฟังเพลงเสมือนกับว่ามันเป็นลำโพงไร้สายชุดหนึ่ง การเชื่อมต่อก็ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ กดปุ่มสัญลักษณ์บลูทูธที่ตัวซาวด์บาร์หรือที่รีโมทคอนโทรล แล้วเลือกจับคู่ในเมนูตั้งค่าของสมาร์ทโฟน มองหาอุปกรณ์ชื่อ ‘JBL CINEMA SB150’ กดจับคู่/เชื่อมต่อ เป็นอันใช้ได้
จากการลองฟังเสียงที่เล่นจากแอปฯ USB Audio Player Pro, TIDAL หรือแม้แต่ JOOX เสียงที่ออกมาฟังดีเลยครับ ฟังดีชนิดที่ทำให้ผมต้องนั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งว่า ต่อจากนี้ไปสินค้าประเภทลำโพงบลูทูธที่ไม่มีออปชั่นอะไรแปลกใหม่เลยคงจะถึงเวลาต้องปรับตัวกันแล้ว เพราะเสียงที่ได้จากลำโพงซาวด์บาร์ชุดนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นรองลำโพงบลูทูธในพิกัดราคาเดียวกันเลยครับ
อย่าคิดว่านี่คือลำโพงซาวด์บาร์ เอามาฟังเพลงแล้วสุ้มเสียงจะไม่เท่าไรนะครับ ด้วยความที่เป็นลำโพงระบบ 2.1 แชนเนล ผมว่ามันเสียงดีกว่าลำโพงบลูทูธตัวเล็ก ๆ ที่ใช้ไดรเวอร์แบบฟูลเรนจ์แน่นอน ติดอยู่หน่อยเดียวว่า SB150 ต้องใช้งานแบบเสียบไฟบ้านเท่านั้นเนื่องจากไม่มีแบตเตอรี่ในตัว จึงใช้งานแบบพกพาไปนอกสถานที่จึงอาจจะเป็นไปไม่ได้หรือไม่สะดวกเท่าพวกลำโพงบลูทูธแบบพกพาทั่วไปที่มีแบตเตอรี่มาในตัวแน่นอน
ความเห็นโดยสรุป
Cinema SB150 เป็นลำโพงซาวด์บาร์ 2.1 แชนเนลที่มีลูกเล่นพอตัว อาจจะไม่มีออพชั่นอย่างช่องอินพุต HDMI หรือ USB เหมือนซาวด์บาร์รุ่นที่สูงกว่านี้ แต่ก็สามารถใช้งานได้กับทีวีทั้งรุ่นเก่าและใหม่ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไรมากมาย ด้านดีไซน์ถือว่าหน้าตาดีพอใช้อาจจะไม่มีอะไรที่ดูหวือหวาแต่ก็จัดว่าเป็นลำโพงซาวด์บาร์ที่ดูดีสมฐานะ ด้านคุณภาพเสียงให้คุณภาพที่เกินตัวไปมาก เสียงเปิด มีเนื้ออิ่มแน่นและมีความชัดเจนกว่าลำโพงในตัวทีวีทั่วไปชนิดไม่สามารถเทียบกันได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเอาไปใช้กับทีวีขนาดตั้งแต่ 32-55 นิ้วแล้วจะเป็นอะไรที่เหมาะกัน ยิ่งผมเห็นว่าราคาขายจริงในตลาดต่ำกว่าราคาหน้าป้ายที่ตั้งไว้ลงมาอีกพอสมควรเลย มองมุมไหนก็หนีไม่พ้นคำว่า ‘คุ้มค่า’ จริง ๆ ครับ
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด
โทร. 0-2256-0020-9
ราคา 13,000 บาท