รีวิว Fitbit : Versa 3 “เมื่อนาฬิกาอัจฉริยะและตัวช่วยติดตามสุขภาพผสานรวมเป็นหนึ่งเดียว”
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา Fitbit ผู้ผลิตสินค้าในกลุ่ม wearable gadget ชื่อดังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ออกมาจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือ Fitbit Versa 3 ที่มาจากตระกูลสมาร์ทวอทช์ยอดนิยมของฟิตบิท เป็นพัฒนาการต่อมาจากรุ่น Versa 2 ที่ออกมาก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันในด้านการออกแบบ Versa 3 ก็มีความคล้ายคลึงกับรุ่น Sense ที่เปิดตัวพร้อมกันแต่มาพร้อมกับคุณสมบัติบางอย่างที่แตกต่างกัน รวมทั้งเรื่องของราคาจำหน่าย ซึ่ง Fitbit Versa 3 วางจำหน่ายในราคา 9,190 บาท ขณะที่ Fitbit Sense วางจำหน่ายในราคา 11,990 บาท
การออกแบบ
Fitbit Versa 3 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับด้านสุขภาพ ด้านการออกกำลังกาย รวมถึงงความสะดวกสบายในการใช้งาน นอกจากนั้นในรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่นั่นคือ มีระบบ GPS เพื่อระบุพิกัดตำแหน่งมาในตัวเครื่อง ซึ่งทำให้การใช้งานแอปฯ ออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Versa 3 ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในกระแสเลือด (SpO2 sensor) ขณะที่เทคโนโลยี PurePulse 2.0 และ Active Zone Minutes ช่วยตรวจวัดชีพจรและระดับความเข้มข้นในการออกกำลังกายและสร้างแผนผังความเข้มข้นในการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกำหนดเป้าหมายในการดูแลสุขภาพได้สะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากไปจากการนับก้าวเดินในแต่ละวัน
สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ยังมาพร้อมลำโพงและไมโครโฟนในตัวสำหรับการรับส่งข้อความ รวมถึงการรับโทรศัพท์และการสนทนา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Google Assistant และ Amazon Alexa ในตัว ให้ผู้ใช้สามารถใช้สั่งงานด้วยเสียงพูด สอบถามเรื่องราวต่าง ๆ หรือใช้ตั้งเตือนการออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือเวลานอน รวมไปถึงเช็กสภาพอากาศ เพิ่มตารางช็อปปิ้งหรือเตือนการล้างมือ รวมถึงการใช้ควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านได้ด้วยการออกคำสั่งตรงจากนาฬิกา
นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานคำสั่งเสียงจาก Google Assistant และ Amazon Alexa Built-in ที่มีมาในเครื่อง ใช้ตั้งเตือนการออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือเวลานอน รวมไปถึงเช็กสภาพอากาศ การเพิ่มตารางช็อปปิ้งหรือการล้างมือ หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านได้จากการออกคำสั่งตรงจากนาฬิกา
Fitbit Versa 3 มีหน่วยความจำในตัว 4GB เชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 สามารถเข้าถึงแอปและหน้าปัดกว่าอีก 1,000 รายการ เลือกฟังเพลงจากแอปฯ อย่าง Deezer, Pandora และ Spotify นอกจากนั้นยังสามารถใช้ Versa 3 เป็นรีโมตคอนโทรลควบคุมการฟังเพลง การเล่นแอปฯ และการควบคุมความดังเสียงในสมาร์ทโฟนที่จับคู่กันได้ด้วย
ขณะที่บริการ Fitbit Pay™ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการ payment ที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการสัมผัสก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีอยู่ใน Fitbit Versa 3 ด้วยเช่นกัน
แบตเตอรี่ของ Fitbit Versa 3 ได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้นานถึง 6 วัน ชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วยสายชาร์จที่ด้านหนึ่งเป็นขั้วต่อ USB-A ขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นหัวชาร์จระบบแม่เหล็กแปะฝาหลัง ซึ่งสามารถใช้ร่วมกันกับรุ่น Fitbit Sense ได้ และรองรับการชาร์จเร็วที่สามารถใช้เวลาชาร์จเพียง 12 นาที เพื่อให้ใช้งานต่อได้อีก 1 วัน
ลองใช้งาน
ตัวเครื่องจริงของ Fitbit Versa 3 เมื่อสัมผัสดูก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเป็นงานเกรดดี วัสดุดี งานประกอบเนี้ยบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนที่ทำจากอะลูมิเนียมหรือสายซิลิโคนเนื้อนุ่มที่มาพร้อมระบบล็อคสายที่สามารถถอด-ใส่ได้ง่ายมาก
ปุ่มกดด้านข้างแบบสัมผัสต้องเน้นและใช้น้ำหนักกดมากสักหน่อยเมื่อเทียบกับสมาร์ทวอทช์อื่น ๆ แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นจุดอ่อนให้มีโอกาสน้ำเข้าเครื่องได้ กันเป็นเหตุให้ตัวเครื่องสามารถกันน้ำในระดับ 5 ATM สามารถใส่ลงน้ำหรือว่ายน้ำได้ลึก 50 เมตร
Versa 3 มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.58 นิ้ว ความละเอียด 336 x 336 พิกเซล ถือว่ามีขนาดใหญ่และละเอียดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่น Versa 2 ซึ่งมาพร้อมหน้าจอ OLED 1.39 นิ้ว ความละเอียด 300 x 300 พิกเซล นอกจากนั้นยังมีความสว่างคมชัด ไม่มีปัญหาใช้งานในที่กลางแจ้ง
Fitbit Versa 3 ยังคงมาพร้อมกับการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจที่พร้อมทำงานตลอดเวลา หรือโหมดเป้าหมายในการออกกำลังกายต่าง ๆ กว่า 20 โหมด ไม่ว่าจะเป็นโหมดยอดนิยมอย่างวิ่ง, ขี่จักรยาน, ว่ายน้ำ ฯลฯ การเพิ่ม GPS มานั้นมีประโยชน์อย่างมากทำให้การใช้งานไม่จำเป็นต้องอาศัยการจับพิกัด GPS จากสมาร์ทโฟน เหมือนในรุ่นเก่า สายวิ่ง สายจักรยาน รับรองว่าต้องถูกใจแน่นอน
หลังจากออกกำลังกายแล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องพักผ่อน สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Sleeping Score หรือตัวตรวจจับการนอนเชิงลึกที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมการนอนในแต่ละคืนของเราได้แบบเรียลไทม์ พร้อมผลวิเคราะห์คุณภาพการนอนโดยละเอียด
โหมดใช้เล่นเพลงจาก Spotify หรือใช้งานเป็นรีโมตคอนโทรลควบคุมการเล่นแอปฯ อื่น ๆ ในสมาร์ทโฟน เช่น YouTube นับว่าสะดวกและทำงานได้ลื่นไหลดี น่าเสียดายว่ายังไม่รองรับการแสดงผลภาษาไทย ซึ่งในส่วนนี้นอกจากทำให้เกิดความไม่สะดวกเวลาฟังเพลงไทยแล้ว ยังไม่สะดวกเวลาที่ได้รับการแจ้งเตือนเป็นภาษาไทยด้วย ซึ่งหากทางฟิตบิทจะให้ความสำคัญกับตรงนี้ในการอัปเดตเฟิร์มแวร์ครั้งต่อ ๆ ไป นั่นจะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ
Fitbit : Versa 3 เหมาะกับใคร ?
นี่อาจยังไม่ใช่สมาร์ทวอทช์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคน ในแต่งบประมาณไม่เกิน 1 หมื่นบาทสำหรับผู้ที่มองหานาฬิกาอัจฉริยะเจ๋ง ๆ ดีไซน์สวยสปอร์ตและมีความเป็นแฟชั่นสักเรือนไปใช้ในชีวิตประจำวัน เราคิดว่า Fitbit Versa 3 มีคุณสมบัติที่ดีพอและน่าใช้ โดยเฉพาะผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ในการออกกำลังกายแบบกลางแจ้ง มาพร้อมกับเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุดจากฟิตบิท
สำหรับคนที่มีงบเพิ่มอีกนิด อาจมองเป็นรุ่น Fitbit Sense ซึ่งมีพื้นฐานเหมือนกันกับ Versa 3 แต่มีคุณสมบัติเพิ่มมาอีก 2-3 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ EDA (Electrodermal Activity) วัดระดับความเครียด, แอปฯ ECG เพื่อติดตามคลื่นหัวใจ ตรวจสอบความเสี่ยงภาวะหัวใจสั่น หรือ Atrial Fibrillation (AFib) และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวบริเวณข้อมือเพื่อใช้เป็นข้อมูลร่วมวิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับ
และเมื่อเดือนธันวาคมในปลายปีที่ผ่านมาทางฟิตบิทได้ปล่อยอัปเดต Fitbit OS 5.1 เฟิร์มแวร์ใหม่ล่าสุดที่ช่วยอัปเกรดความสามารถ เพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้ Fitbit Sense และ Versa 3 สะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งความใส่ใจที่ทางแบรนด์พยายามบรรจุเข้ามาในสมาร์ทวอทช์ล้ำ ๆ ทั้ง 2 รุ่นนี้
#FitbitVersa3 #FitbitTH #FutureOfFit
