รู้จัก Paramount+ สตรีมมิงที่ให้บริการหนังใหม่หลังเข้าโรงเพียง 30 วัน
Paramount Pictures เตรียมเปิดให้บริการ Paramount+ สตรีมมิงใหม่ล่าสุดที่เปิดโอกาสให้ชมภาพยนตร์ใหม่ในเครือ Paramount Pictures หลังจากเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยจะเริ่มให้บริการในปีค.ศ. 2024 ในสหรัฐอเมริกา
Paramount ต้องการเดินตามรอย Warner และ Disney และทำให้ Paramount+ เป็นบริการสุดพิเศษสำหรับการรับชมภาพยนตร์ใหม่ภายในบ้าน
“หนังจอใหญ่เรื่องเด่นจะมีให้บริการใน Paramount+ โดยบริษัทได้ประกาศว่าจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ภาพยนตร์ใหม่ออกฉายในปี 2024 และ Paramount+ จะกลายเป็นโฮมสตรีมมิงสำหรับภาพยนตร์ใหม่ทั้งหมดในเครือ Paramount Pictures ที่ฉายในสหรัฐอเมริกา โดยจะให้บริการหลังจากหนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว”
รายละเอียดหารให้บริการสำหรับภูมิภาคอื่น ๆ ไม่ได้รับการยืนยันในเวลานี้ ขณะเดียวกันปลายปีนี้ Paramount จะร่วมมือกับ Sky, Peacock, Universal และ Showtime เพื่อเปิดตัวบริการสตรีมมิงใหม่ที่เรียกว่า SkyShowtime ในบางพื้นที่ของยุโรป
สำหรับในสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของ Paramount Pictures จะมีให้บริการใน Paramount+ หลังจากเข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้วประมาณ 30 ถึง 45 วัน ในขณะที่บางเรื่องจะมีให้บริการใน Paramount+ หลังจากภายในโรงแล้ว 90 วัน
นอกจากนี้ทางสตูดิโอยังได้ทดลองการให้บริการสตรีมภาพยนตร์แนวครอบครัว แบบเปิดตัวและออกฉายครั้งแรกใน Paramount+ โดยตรง
ภาพยนตร์ใหม่ที่วางแผนไว้สำหรับปี 2024 และหลังจากนั้น ได้แก่ Mission Impossible 8, The Smurfs, A Quiet Place: Part III และภาพยนตร์แอนิเมชั่น Transformers
Paramount+ ในสหรัฐอเมริกามีภาพยนตร์และซีรีส์เพียงพอสำหรับการสตรีมใน 4K HDR และ Dolby Atmos ดังนั้นคาดว่าบริการใหม่นี้จะให้สตรีมในรูปแบบ 4K HDR รวมทั้งระบบเสียง Dolby Atmos ด้วย
ในส่วนของบริษัทแม่ ViacomCBS ประกาศว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น Paramount Global โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ประกาศนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2565 ตามเวลาท้องถิ่น)
“ด้วยเกียรติประวัติของ Paramount แสดงถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของบริษัทของเราในฐานะผู้บุกเบิกในยุคทองของฮอลลีวูด ในวันนี้เราได้นำพาชื่อเสียงของ Paramount เพื่อบุกเบิกอนาคตใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น” Bob Bakish ประธานและซีอีโอกล่าว
บริษัทตั้งเป้าที่จะมีสมาชิกสตรีมมิงรวมกันกว่า 100 ล้านราย (Paramount+ และ SkyShowtime) ภายในปีค.ศ. 2024 ทว่าถึงแม้จะประสบความสำเร็จได้ตามเป้า บริษัทก็ยังเดินตามหลัง Disney+ (130 ล้านราย) และ Netflix (222 ล้านราย) ซึ่งนแง่ของผลกำไรก็ยังมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา: flatpanelshd