Netflix รายงานข้อมูลไตรมาสที่สองของปีนี้ ยืนยันเป็นแพลตฟอร์มไม่แสวงหาผลกำไรจากโฆษณา
กรุงเทพฯ (31 กรกฎาคม 2562) – Netflix รายงานรายได้และข้อมูลสำคัญประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 ว่าใน ไตรมาสนี้ เน็ตฟลิกซ์มีรายได้เพิ่มขึ้น 400 จุด หรือเพิ่มขึ้น 26% คิดเป็นมูลค่า 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว
ประเด็นสำคัญอื่น ๆ ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 ได้แก่:
– จำนวนการสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบัญชีเป็น 151 ล้านบัญชี (60% มาจากนอกสหรัฐอเมริกา) ถือว่า เพิ่มสูงขึ้น 24% จากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 5 ล้านบัญชี
– ไตรมาส 3 ที่มาพร้อมกับการเปิดตัวของ Stranger Things ซีซัน 3 ซึงมีผู้ชมมากกว่า 40.7 ล้านบัญชีในเวลา 4 วันตั้งแต่การออกอากาศในวันที่ 4 กรกฎาคม และมีผู้ชมถึง 18.2 ล้านบัญชีที่ดูจบครบซีซันแล้ว ตัวเลขนี้ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับคอนเทนต์ในช่วงครึ่งปีหลังที่น่าติดตาม มีดังต่อไปนี้:
– ซีซันใหม่ของ La Casa de Papel (Money Heist), The Crown ซีซันสุดท้ายของ Orange is the New Black และหนังฟอร์มยักษ์อย่าง The Irishman กำกับโดย Martin Scorsese รวมถึงหนัง แอคชั่นอย่าง 6 Underground (กำกับโดย Michael Bay และนำแสดงโดย Ryan Reynolds)
– ในทวีปเอเชีย Netflix ได้ประกาศคอนเทนต์ออริจินัลเกาหลีจำนวน 6 เรื่อง ซีรีส์ออริจินัลอินเดียจำนวน 5 เรื่อง และ 6 คอนเทนต์ภาษาจีนซึ่งจะออกอากาศก่อนการเปิดตัวซีรีส์ออริจินัลจีนจำนวน 3 เรื่อง
สำหรับคอนเทนต์ที่ออกอากาศไปในไตรมาสที่ 2 มีคอนเทนต์ที่น่าติดตามดังต่อไปนี้:
– Dead to Me นำแสดงโดยนักแสดงที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมี่อย่าง คริสติน่า แอพเพิลเกตมีคนชมไปแล้วถึง 30 ล้านบัญชีตั้งแต่การออกอากาศสัปดาห์แรก
– When They See Us กำกับโดย เอวา ดูเวอร์เนย์ ได้รับการรับชมถึง 25 ล้านบัญชีภายใน 4 สัปดาห์แรกของการออกอากาศ และปลุกกระแสการพูดถึงเกี่ยวกับเชื้อชาติ อัตลักษณ์ ความยุติธรรมทางอาญา ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ถึง 16 รางวัล รวมถึงเข้าชิงในหมวด Outstanding Limited Series
– Our Planet คือสารคดีชิ้นเอกจากเน็ตฟลิกซ์และยังเป็นซีรีส์ในหมวดสารคดีที่ได้รับการรับชมสูงสุดใน 4 สัปดาห์แรกของการออกอากาศ (33 ล้านบัญชี) และล่าสุดได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ถึง 10 รางวัล
– การผลิตซีรีส์ออริจนัลยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เช่น Murder Mystery นำแสดงโดย อดัม แซนด์เลอร์และเจนนิเฟอร์ อนิสตัน มีผู้ชมถึง 73 ล้านบัญชีภายใน 4 สัปดาห์แรกเมื่อออกอากาศ
เช่นเดียวกับซีรีส์วัยรุ่นโรแมนติกอย่าง The Perfect Date ก็โด่งดังไปทั่วโลกด้วยยอดการชมกว่า 48 ล้านบัญชีใน 4 สัปดาห์แรกของการออกอากาศ Always Be My Maybe ที่ได้ แอลลี หว่องและแรนดัล พาร์ค มาร่วมแสดงก็ได้รับการรับชมถึง 32 ล้านบัญชีภายใน 4 สัปดาห์แรกของการออกอากาศ
– คอนเทนต์นานาชาติก็ยังคงถูกผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ซีรีส์สัญชาติเดนมาร์กอย่าง The Rain ซีซัน 2 คือซีรีส์ออริจินัลที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่ได้กลับมาออกอากาศต่อทางเน็ตฟลิกซ์ ส่วนซีรีส์เรื่องใหม่จากสวีเดนอย่าง Quicksand ก็มีผู้ชมจำนวนมากทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับโลก
ในมุมการตลาด Netflix ยืนยันว่ายังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความประทับใจแก่ทั้งสมาชิกเดิมและผู้ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก อย่างเช่นในงาน E3 ซึ่งเป็นงานวีดีโอเกมส์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี ทาง Netflix ได้ประกาศเกมส์ใหม่จากซีรีส์ Stranger Things และเกมส์ที่สร้างจากเรื่องราวจากโชว์ใหม่อย่าง Dark Crystal: Age of Resistance (ภาคก่อนของภาพยนตร์เวอร์ชั่นปี 1982)
อีกทั้งยังประกาศการร่วมมือกับ Epic Games ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Fortnite เกมส์เหล่านี้ถูกออกแบบขึ้นเพื่อขยายฐานแฟนคลับของคอนเทนต์เช่นเดียวกับกลยุทธ์การขายอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าธุรกิจเกมส์จะเป็นธุรกิจใหม่ของทางเน็ตฟลิกซ์แต่อย่างใด
เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสมัครเป็นสมาชิกและรับความบันเทิงจากเน็ตฟลิกซ์ได้ง่ายขึ้น หลังจากการทดลองหลายเดือน Netflix ยังได้ตัดสินใจเสนอประเภทสมาชิกเพื่อรับชมผ่านโทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียวในราคาที่ย่อมเยา ถือเป็นส่วนต่อการขยายจากรูปแบบเดิม ซึ่งรูปแบบสมาชิกนี้จะนำเสนอในไตรมาสที่ 3 จะเปิดโอกาสเพิ่มจำนวนสมาชิกชาวอินเดียได้มากขึ้น
นอกจากนั้นแล้ว Netflix ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่มีโฆษณา และสิ่งนี้คือจุดยืนที่สำคัญของแบรนด์ ซึ่งทาง Netflix เชื่อมั่นว่าจะทำธุรกิจที่มีคุณค่าในระยะยาวโดยไม่แสวงหาผลกำไรจากโฆษณา และเน้นย้ำความสำคัญกับความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นสำคัญ