Mark Levinson เปิดตัวอินทิเกรตแอมป์รุ่นใหม่ 5000 Series
Mark Levinson เปิดตัวอินทิเกรตแอมป์ซีรีส์ใหม่ 5000 Series ในช่วงเวลาประจวบเหมาะกับการจัดงาน Rocky Mountain Audio Fest 2018 กันเลยทีเดียว สำหรับสินค้าที่เปิดตัวในครั้งนี้มี 2 รุ่นคือ No. 5805 (8,500 เหรียญสหรัฐ) และ No. 5802 (7,000 เหรียญสหรัฐ)
ความแตกต่างของ 2 รุ่นนี้ อยู่ที่ช่องต่อรับสัญญาณเสียง โดยรุ่น No. 5802 รองรับช่องสัญญาณเสียงแบบดิจิทัลเท่านั้น ส่วน No. 5805 ยังคงมีอินพุตแบบอะนาล็อกอย่างช่องสัญญาณบาลานซ์หัวต่อแบบ XLR
รวมไปถึงภาคอินพุตโฟโนสเตจ สำหรับหัวเข็มเครื่องเล่นแผ่นเสียงทั้งแบบ MM และ MC ที่สามารถปรับได้ทั้งเกนการขยายสัญญาณและลักษณะการกรองสัญญาณเสียง รวมไปถึงสามารถปรับค่า capacitance และ resistance ให้เหมาะกับหัวเข็มแต่ละตัวได้อีกด้วย
“No. 5805 และ No. 5802 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดประสิทธิภาพและคุณภาพทั้งหมดที่คาดหวังว่าจะได้รับจาก Mark Levinson ในขณะเดียวกันก็ยังคงคุณลักษณะทางด้านศิลปะไปพร้อม ๆ กับความสามารถทางด้านการทำงานที่ส่งต่อมานานนับทศวรรษผ่านเทคโนโลยีทางด้านเสียงขั้นสูงสุด ผสานรวมเข้ากับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี”
Jim Garrett ผู้อำนวยการอาวุโสด้านกลยุทธ์และการวางแผนผลิตภัณฑ์ Harman Luxury Audio กล่าว
“เราภูมิใจในผลงานการออกแบบ วิศวกรรมและฝีมือในการประกอบตัวเครื่อง ที่ทั้งหมดทำในอเมริกา Mark Levinson อนุกรม 5000 series จึงดูดี ให้น้ำเสียงได้อย่างน่าอัศจรรย์ และถือเป็นการจารึกมาตรฐานใหม่ทางด้านประสิทธิภาพไว้อีกครั้งหนึ่ง”
ในส่วนของวงจรดิจิทัลสำหรับ No.5805 ทาง Mark Levinson ได้ออกแบบวงจรการทำงานเป็นแบบ Precision-Link II โดยใช้ตัวแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอะนาล็อกของ ESS Sabre ขนาด 32bit ที่ได้รับความใส่ใจในการออกแบบวงจรขจัด Jitter มาเป็นอย่างดี
สำหรับอินพุต No. 5805 มีมาให้ 4 ช่อง ได้แก่ coaxial จำนวน 1 ช่อง, optical-digital จำนวน 2 ช่อง และ USB แบบอะซิงโครนัสที่เหมาะสำหรับการเล่นไฟล์ PCM 192Hz/32-bit หรือไฟล์ DSD ได้สูงสุดถึง 5.6MHz อีกทั้งยังรองรับการถอดรหัสและเล่นไฟล์ MQA ผ่าน USB ได้อีกด้วย
การทำงานของ No. 5802 เป็นแบบดิจิทัลทั้งหมด โดยมีช่องสัญญาณอินพุต 6 ช่อง ประกอบด้วย ช่อง AES จำนวน 1 ช่อง, ช่อง coaxial จำนวน 2 ช่อง, ช่อง Optical จำนวน 2 ช่อง และช่อง USB แบบอะซิงโครนัส อีก 1 ช่อง (สำหรับสเปคอื่น ๆ เหมือนกับ No. 5805) นอกจากนี้ยังมีตัวรับสัญญาณ Bluetooth ติดมาให้
อินทิเกรตทั้ง 2 รุ่น ออกแบบวงจรขยายเป็นแบบ Class AB ประกอบวงจรด้วยอุปกรณ์ discrete โดยได้รับพลังงานมาจากหม้อแปลง toroidal ขนาดใหญ่ สำหรับรายละเอียดการทำงานทางผู้ผลิตได้แจ้งไว้ว่า
“ในภาคขยายแรงดันใช้หลักการทำงานถอดแบบมาจากเพาเวอร์แอมป์ No. 534 ภาคขยายแรงดันดังกล่าวทำงานร่วมกับภาคเอาต์พุตซึ่งประกอบไปด้วยทรานซิสเตอร์แบบความเร็วสูงจัดวงจรการทำงานในแบบ Class A ป้อนสัญญาณให้ภาคขยายเสียงซึ่งมีทรานซิสเตอร์ขยายสัญญาณเสียงขนาด 260V, 15A ถึง 6 ตัว
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ Thermal-Trak จำนวน 2 ตัว คอยตรวจสอบการจ่ายพลังงานและความร้อนของภาคเอาต์พุตให้คงที่ตลอดเวลา พร้อมด้วยตัวเก็บประจุขนาด 10,000 microfarad จำนวน 4 ตัวต่อแชนเนล ติดตั้งบนแผ่นวงจรของภาคเอาต์พุตโดยตรง ทำให้จ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่
โดยให้กำลังขับ 125 วัตต์/แชนเนล ที่ 8 โอห์ม และเพิ่มเป็น 250 วัตต์/แชนเนล ที่ 4 โอห์ม แม้โหลด 2 โอห์มก็สามารถจ่ายพลังงานได้เต็มประสิทธิภาพ”
แน่นอนคุณภาพในการประกอบและความสวยงามย่อมลงตัวไปกับคุณภาพเสียงระดับไฮไฟ ผ่านการออกแบบแผงหน้าอันเรียบหรู ติดตั้งแผ่นอะลูมิเนียมหนา 1 นิ้ว ผสานไปกับรายละเอียดปลีกย่อยอันลงตัว อย่างลูกบิดอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ชุบ anodized ติดตั้งในส่วนจอภาพที่ปิดทับด้วยกระจก
ผู้ติดตั้งระบบของหน่วยงานและช่างติดตั้งสำหรับลูกค้า คงมีความยินดีที่ได้ทราบว่าเครื่องทั้ง 2 รุ่น รองรับการควบคุมผ่าน Ethernet, USB, RS-232, IR input ตลอดรวมไปถึง รองรับ 12V trigger input และ output อีกทั้งยังสามารถปรับเช็ตค่าการใช้งานผ่านทางหน้าเว็ปได้อีกด้วย
Mark Levinson : 5000 Series รุ่นใหม่จะวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกช่วงไตรมาสแรกของปี 2019