fbpx
NEWS

LG เผยโฉมเครื่องฉาย CineBeam 4K เครื่องฉายจอใหญ่ 100 นิ้วที่ใช้ระยะฉายเพียง 20 ซม.

LG ได้เผยโฉมเลเซอร์โปรเจ็กเตอร์ CineBeam 4K รุ่นใหม่ล่าสุด 2 รุ่น ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

โดยรุ่นแรกคือเลเซอร์โปรเจ็กเตอร์ LG HU715Q Ultra Short Throw (UST) ซึ่งสามารถฉายภาพได้ขนาดใหญ่ถึง 100 นิ้วเมื่ออยู่ห่างจากผนังเพียง 21.7 ซม. เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในพื้นที่เล็ก ๆ

นอกจากคุณสมบัติในการฉายที่ระยะสั้นแล้วตัวเครื่องยังตกแต่งผิวนอกด้วยผ้า Kvadrat จากประเทศเดนมาร์ก ให้สามารถจัดวางได้อย่างกลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งต่าง ๆ ภายในบ้าน

ในตัวเครื่อง LG HU715Q UST ยังมีลำโพงที่มาพร้อมกับตัวขับเสียง 4 ตัว ทำงานในระบบเสียง 2.2 แชนเนล ซึ่งสามารถเป็นระบบเสียงรอบทิศทางได้โดยการตั้งค่า “เสียงเซอร์ราวด์” พร้อมกับการเพิ่มลำโพง Bluetooth หนึ่งหรือสองตัว

ด้วยพิกัดกำลังขับเสียงรวม 20 วัตต์ ทำให้ระบบเสียงในเครื่องฉายรุ่นนี้ทรงพลังกว่า LG HU85LA รุ่น UST 4K ปัจจุบันถึง4 เท่า อย่างไรก็ตาม ด้วยพอร์ต HDMI จำนวน 3 พอร์ต ซึ่งหนึ่งในนั้นรองรับ eARC/ARC ทำให้ HU715Q UST สามารถเชื่อมต่อกับระบบเสียงภายนอกหรือซาวด์บาร์เพื่อเพิ่มพลังเสียงได้ด้วย

ในขณะเดียวกัน LG รุ่น HU710P ใช้เทคโนโลยีไฮบริดเลเซอร์ LED สามารถฉายภาพในแนวทแยงขนาด 100 นิ้ว ได้จากระยะฉายตั้งแต่ 2.9-4.6 ม. ด้วยขนาดภาพสูงสุด 300 นิ้ว ตัวชุดเลนส์สามารถขยับในแนวตั้งได้สูงสุด 60% และแนวนอน 24% ตลอดจนการแก้ไขภาพสี่เหลี่ยมคางหมู keystone correction ครอบคลุม 4, 9 และ 15 จุด

ช่วยให้ผู้ใช้มีความยืดหยุ่นในการจัดวางตำแหน่งนอกศูนย์กลาง โปรเจ็กเตอร์ยังมีพอร์ต HDMI ให้มาจำนวน 3 พอร์ต (พอร์ตหนึ่งเป็น eARC/ARC) พร้อมทั้งระบบเสียงสเตอริโอที่พิกัด 5W

เครื่องฉายรุ่นใหม่จาก LG ทั้ง 2 รุ่น ให้ภาพที่ความละเอียด 4K พร้อมอัตราส่วนคอนทราสต์ที่อ้างว่าไปถึงระดับ 2,000,000:1 มีความสว่างสูงสุด 2,500 ลูเมนสำหรับ HU715Q และ 2,000 ลูเมนสำหรับ HU710P ตัวหลอดไฟสามารถใช้งานได้นาน 20,000 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ เท่ากับว่าสามารถรับชมภาพยนตร์ได้เป็นจำนวนมาก

เครื่องฉายรุ่นใหม่นี้มีคุณสมบัติการประมวลผลภาพมากมาย รวมถึง Dynamic Tone Mapping ซึ่งรองรับระบบภาพ HDR เพื่อปรับแต่งสีและคอนทราสต์อย่างละเอียดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง Filmmaker Mode ขณะที่ Brightness Optimizer ของ LG สามารถช่วยได้โดยการปรับภาพตามสภาพแสงแวดล้อม

เครื่องฉายทั้ง 2 รุ่น ใช้งานระบบปฏิบัติการ webOS ของ LG ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปฯ และแพลตฟอร์มวิดีโอออนดีมานด์ เช่น Netflix, Amazon Prime Video, Disney+, YouTube และ Apple TV โดยไม่ต้องใช้กล่องสตรีมมิงแยกต่างหาก

LG แจ้งว่าทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายในไตรมาสแรกของปี 2022 แต่ราคายังไม่เปิดเผยในเวลานี้


ที่มา: whathifi

กองบรรณาธิการ AV Tech Guide

สื่อออนไลน์ที่มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีนวัตกรรมในกลุ่มสินค้าเครื่องเสียงไฮไฟ โฮมเธียเตอร์ ไอทีมัลติมีเดีย ตลอดจนสินค้านวัตกรรมอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ของผู้คนทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ดำเนินงานโดยทีมงานมืออาชีพ