Klipsch เปิดตัว The One Plus และ The Three Plus ลำโพงไร้สายตั้งโต๊ะรุ่นใหม่ พร้อมสไตล์โมเดิร์นคลาสิก
ลำโพงซีรีส์ Heritage ของ Klipsch ชวนให้นึกถึงดีไซน์สไตล์โมเดิร์นคลาสิก การตกแต่งด้วยผิวลายไม้และตะแกรงกรุผ้าที่ดูราวกับว่าเป็นลำโพงดีไซน์ย้อนยุค ล่าสุดได้มีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกสองรุ่นนั่นคือ The One Plus ($249 ประมาณ 9,000 บาท) และ The Three Plus ($399 ประมาณ 14,500 บาท)
ลำโพงรุ่นใหม่ทั้งสองรุ่นเป็นลำโพงบลูทูธแบบตั้งโต๊ะ พร้อมการควบคุมสั่งงานที่เรียบง่าย และสามารถใช้งานร่วมกันได้แหล่งสัญญาณเสียงดิจิทัลได้หลากหลายมากขึ้น พร้อมราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้น
ลำโพงทั้งสองรุ่นมีจำหน่ายในสีดำหรือสีวอลนัทตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนที่ klipsch.com และร้านค้าปลีกบางแห่ง แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วลำโพงใหม่ทั้งสองรุ่นเป็นวิวัฒนาการของลำโพงรุ่นก่อนหน้าอย่าง The One และ The Three รุ่นก่อนหน้า (Version II) ทว่าที่จริงแล้ว The One Plus และ The Three Plus ก็ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจาก The Sevens และ The Nines ลำโพงระดับพรีเมียมในตระกูล Heritage รุ่นล่าสุดของ Klipsch
ด้วยลวดลายเส้นสายที่ต่อเนื่องด้านบนตู้ลำโพง ผ้ากรุหน้ากากที่สีกลมกลืนกัน ดีไซน์ปุ่มปรับระดับเสียงขนาดใหญ่ที่มีลายร่องบาก ล้วนเป็นการออกแบบที่มีสไตล์ในแบบฉบับของลำโพง Klipsch
คุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่สืบทอดมาจากลำโพงรุ่น The Sevens และ The Nines ก็คือความเข้ากันได้กับแอปฯ Klipsch Connect (iOS/Android) แอปฯ นี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับการตั้งค่า EQ หรือรับการอัพเดตเฟิร์มแวร์
สำหรับ The One Plus และ The Three Plus มันยังเปิดใช้งานโหมด Klipsch Broadcast ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อลำโพง Klipsch The One Plus หรือ The Three Plus ได้สูงสุด 10 ตัว เพื่อเล่นเสียงพร้อมกันออกไปที่ลำโพงหลายตัว อย่าวไรก็ดีระยะห่างระหว่างลำโพงยังถูกจำกัดด้วยระยะห่างในการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Bluetooth
ลำโพงทั้งสองรุ่นใช้สูตรพื้นฐานการออกแบบเดียวกันกับรุ่นก่อน มันมาพร้อมระบบเสียงสเตอริโอ 2.1 แชนเนล ขับเสียงผ่านชุดไดรเวอร์ฟูลเรนจ์ที่แมตช์กัน เสริมด้วยวูฟเฟอร์ขับเสียงย่านความถี่ต่ำ นอกจากเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อสตรีมเสียงแบบไร้สายแล้วตัวลำโพงยังมีอินพุตแบบอะนาล็อกสำหรับเชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากแหล่งสัญญาณภายนอกได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ลำโพงใหม่รุ่น Plus นี้ก้าวไปอีกขั้นตามชื่อรุ่น ด้วยเทคโนโลยี Bluetooth ที่มีคุณภาพสูงกว่า โดยเป็น Bluetooth เวอร์ชัน 5.3 เทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่เป็น Bluetooth 4.0
ลำโพงใหม่แต่ละรุ่นยังมีพอร์ต USB-C สำหรับรับสัญญาณเสียงดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์และยังสามารถทำหน้าที่ชาร์จอุปกรณ์ภายนอกได้อีกด้วย โดย Klipsch เผยว่าพอร์ต USB-C นี้มีแรงดันไฟฟ้าเพียงพอที่จะจ่ายไฟให้กับสตรีมเมอร์ไร้สายอย่าง Wiim Mini ได้ด้วย
ลำโพงรุ่น The Three Plus ยังมีขั้วต่ออินพุต optical ที่รองรับการถอดรหัสเสียงแบบ lossless ได้ถึงระดับ 24bit/96kHz รวมถึงชุดอินพุตสเตอริโอ RCA พร้อมสวิตช์เลือกสำหรับโหมด line-in และ phono พร้อมขั้วต่อสายกราวด์
ลำโพง The One Plus มีขนาดกว้าง 12.5 นิ้ว ความสูงและลึกประมาณ 6 นิ้ว ซึ่งมีขนาดประมาณเดียวกับ The One Version II การออกแบบภายในก็คล้ายกัน โดยมาพร้อมกับระบบเสียงไบแอมป์ ไดรเวอร์ฟูลเรนจ์ขนาด 2.25 นิ้วสองตัวและวูฟเฟอร์ขนาด 4.5 นิ้ว พร้อมกำลังขับ 60 วัตต์ และช่วงการตอบสนองความถี่ 55Hz-20kHz
สำหรับลำโพงรุ่น The Three Plus ก็ยังมีขนาดใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า ด้วยความกว้าง 14 นิ้ว สูง 8.3 นิ้ว และลึก 7 นิ้ว และโครงสร้างภายในที่คล้ายกัน ระบบเสียงไบแอมป์ ไดรเวอร์ฟูลเรนจ์ขนาด 2.25 นิ้วสองตัว และวูฟเฟอร์ขนาด 5.25 นิ้วหนึ่งตัว ทำงานร่วมกับพาสซีฟเรดิเอเตอร์ขนาด 5.25 สองตัว พร้อมกำลัง 120 วัตต์และช่วงการตอบสนองความถี่ 45Hz-20kHz
ที่มา: digitaltrends