ตามไปฟัง หูฟังอินเอียร์ 11 ไดรเวอร์ !!! ของ Empire Ears ที่ BKK Audio เซ็นทรัลเวิลด์
วันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญไปร่วมงานเปิดตัวโชว์รูมใหม่ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ของ BKK Audio ผู้แทนจำหน่ายเครื่องเสียงและหูฟังในระดับแนวหน้า
ตัวโชว์รูมนั้นออกแบบตามแนวทางของโชว์รูมเครื่องเสียงสมัยใหม่ เข้าถึงง่าย มีสินค้าให้ทดลองฟังกันชนิดที่เรียกได้ว่า ‘จุใจ’ เลยทีเดียว
ในส่วนโชว์รูมของเขานั้นผมคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากครับ เอาเป็นว่าท่านดูภาพประกอบแล้วรู้สึกว่าสนใจสินค้าในกลุ่มใด รุ่นไหนอยู่ หาโอกาสไปลองชมลองฟังด้วยตัวเองเลยดีกว่าครับ น้อง ๆ พนักงานที่แลดูเอาใจใส่ลูกค้าและมีความรู้ความเข้าใจในตัวสินค้าดีน่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ท่านได้
นอกจากได้ชมบรรยากาศและสินค้าในร้านของเขาแล้ว พอดีวันนี้เขามีเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่เป็นหูฟังของยี่ห้อ Empire Ears ได้แก่หูฟังคัสตอมอินเอียร์รุ่น ‘วัลคีรี่’ Valkyrie (ราคา 64,900 บาท) และรุ่นเรือธงอย่าง ‘เรธ’ Wraith (ราคา 135,000 บาท)
โดยพื้นฐานคร่าว ๆ รุ่น Valkyrie นั้นเป็นหูฟังที่มีไดรเวอร์ข้างละ 3 ไดรเวอร์ (อิเล็กโตรสแตติก, บาลานซ์อามาเจอร์ และไดนามิกอย่างละ 1 ตัว) ช่วงความถี่ตอบสนองกว้างขวางตั้งแต่ 4Hz-100kHz เท่าที่ผมได้ลองฟังคร่าว ๆ นั้น แนวเสียงออกไปทางคมชัด สด จริงจังแบบหูฟังมอนิเตอร์ ความไวนั้นจัดว่าปานกลาง ฟังกับ DAP หรือ DAC/AMP ที่มีเรี่ยวแรงสักหน่อยจะได้เนื้อเสียงที่ดีขึ้น
หลังจากนั้นผมได้ลองสลับไปฟังรุ่น Wraith บ้าง สิ่งแรกที่ผมเจอคือ มันไวกว่ามาก (117dB) ทำเอาผมต้องรีบลดวอลุ่มลงมาเลยทีเดียว มันไวจนสามารถขับด้วยสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone X ได้อย่างสบาย ๆ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ‘เสียง’ ครับ
Wraith นั้นให้เสียงแตกต่างจาก Valkyrie โดยสิ้นเชิง ! มันให้มิติกว้างขวางกว่า มีความเป็นสามมิติมากกว่า คุ้ยแคะรายละเอียดยิบย่อยออกมานำเสนอได้อย่างเป็นธรรมชาติ คือ มีรายละเอียดของเสียงพรั่งพรูตลอดทั้งย่านความถี่ น่าทึ่งว่ารายละเอียดเยอะอย่างนั้นแต่มันกลับเป็นน้ำเสียงที่ฟังสบายและมีน้ำมีนวลกว่า Valkyrie เยอะ
ผมเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดทางพนักงานร้านจึงคะยั้นคะยอให้ผมฟัง Valkyrie ก่อน เพราะถ้าผมฟัง Wraith ก่อน ก็ไม่ต้องฟังหูฟังรุ่นไหนที่เป็นรองมันแล้วล่ะครับ เสียเวลาเปล่า !
ระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งทราบภายหลังว่าคือคุณ Dean Vang คนออกแบบหูฟังรุ่นนี้เข้ามาพูดคุยสอบถาม ผมจึงได้ทราบในรายละเอียดว่าหูฟังรุ่นนี้มีไดรเวอร์มากมายถึงข้างละ 11 ไดรเวอร์ !!! แบ่งเป็นไดรเวอร์แบบบาลานซ์อามาเจอร์จำนวน 7 ตัว (เสียงต่ำ 2 ตัว, เสียงกลาง 3 ตัว และเสียงแหลม 2 ตัว)
สำหรับไดรเวอร์ที่เหลืออีก 4 ตัวคือ ไดรเวอร์แบบอิเล็กโตรสแตติกที่เชื่อมต่อกับ Dual Transformer ช่วยแปลงพลังงานอีกทอดหนึ่ง คุณ Dean Vang บอกว่าหูฟังรุ่นนี้ของเขายังเป็นหูฟัง ‘รุ่นแรกของโลก’ ที่ใช้ไดรเวอร์แบบอิเล็กโตรสแตติกมากถึง 4 ตัวต่อข้าง
ลำพังแค่นึกว่าไดรเวอร์เหล่านี้ยัดรวมอยู่ในหูฟังตัวแค่นี้ได้อย่างไร ผมก็นึกไม่ออกแล้วครับ ดังนั้นถ้านึกไปต่อว่าจะจูนเสียงของไดรเวอร์ทั้ง 11 ตัวให้เข้าขากันได้ยังไง ผมว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แม้แต่ดีไซน์เนอร์อย่างคุณ Dean Vang เอง ยังบอกผมว่าเขาใช้เวลาจูนเสียงร่วมปีเลยทีเดียว อีกทั้งตัวหูฟังยังผลิตแบบแฮนด์เมด 100% หูฟังหนึ่งตัวใช้เวลาประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยช่างฝีมือผู้ชำนาญการเป็นเวลา 1 วันเต็ม ๆ
ระหว่างที่เขาอธิบายหรือสอบถามความเห็นจากที่ได้ลองฟัง ผมมองเห็นความภาคภูมิใจในสายตาของเขา มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องเสียง แต่มันคือสิ่งประดิษฐ์ที่คนชอบเครื่องเสียงสมควรได้ลองฟังสักครั้งในชีวิตเพื่อเป็นประสบการณ์ เพราะเสียงของมันไม่เหมือนหูฟังอินเอียร์รุ่นไหนที่ผมเคยฟังมาเลยครับ แน่นอนว่ามันเป็นความแตกต่างในแง่ของความประทับใจและชื่นชม
สำหรับคนที่เตรียมงบประมาณเอาไว้สำหรับซื้อหูฟังในระดับราคานี้อยู่แล้ว ผมแนะนำว่าอย่าลังเลที่จะไปลองฟังครับ เพราะในช่วงสัปดาห์แรกที่เขาเปิดโชว์รูมที่เซ็นทรัลเวิลด์อย่างเป็นทางการ ทางร้านเขามีส่วนลดให้ 15% หรือผ่อน 0% นาน 10 เดือน ให้เลือกพิจารณาด้วยครับ