Burmester จับมือ Ferrari พัฒนาเครื่องเสียงไฮเอนด์ใน Ferrari Purosangue รถเอสยูวีรุ่นแรกจากค่ายม้าป่า
กรุงเบอร์ลิน วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2565 จากการเปิดตัวของ Ferrari Purosangue รถเอสยูวีรุ่นแรกจากค่ายม้าป่าที่มาพร้อมกับระบบเสียง Burmester ซึ่งนับได้ว่าเป็นก้าวสำคัญที่ได้สะท้อนถึงมาตรฐานในระดับสูงพิเศษจากผู้ผลิตทั้งสองราย พร้อมสืบทอดเรื่องราวกันทรงเกียรติของทั้งสองแบรนด์ระดับโลก
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ของ Ferrari และ Burmester ไม่ได้เป็นเพียงการก้าวสู่เส้นทางใหม่ในการพัฒนาเครื่องเสียงในยานยนต์ระดับไฮเอนด์เท่านั้น แต่ยังได้เป็นการยกระดับประสบการณ์เสียงไปสู่อีกระดับของการรับรู้ทางโสตประสาท
เรื่องราวของความร่วมมือกันในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อทีมพัฒนาระบบเสียงของ Burmester ตั้งเป้าที่จะพัฒนาระบบเสียงที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นด้วยระบบลำโพง 21 ตัวและกำลังขับรวมที่สูงถึง 1,420 วัตต์ ส่งผลให้ได้ระบบเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติและความคมชัดที่โดดเด่นกว่าเครื่องเสียงใด ๆ
สิ่งที่น่าสังเกตเป็นพิเศษคือ ในย่านความถี่สูงและความถี่ต่ำ ที่ได้เลือกใช้ทวีตเตอร์แบบริบบ้อน ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ถูกนำมาใช้งานจริงในรถยนต์
เช่นเดียวกับซับวูฟเฟอร์ซึ่งติดตั้งในระบบตู้ปิดให้การตอบสนองรายละเอียดเสียงที่หนักแน่นและแม่นยำในระดับที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนส่งผลให้ได้น้ำเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติและความสมจริงที่เหนือกว่า เพื่อความเพลิดเพลินทางดนตรีอย่างแท้จริง
อีกหนึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของ Burmester คือการเลือกใช้เครื่องขยายเสียงแบบไฮบริด ประสบการณ์หลายสิบปีจากการออกแบบระบบเสียงอะนาล็อกในเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์สำหรับใช้ภายในบ้านได้ถูกส่งต่อไปยังภาคยานยนต์แล้ว โดยภาคขยายเสียงแบบอะนาล็อกและวงจรฟิลเตอร์ได้ถูกเลือกใช้งานกับระบบเสียงในย่านความถี่เสียงกลางและเสียงแหลม
ขณะที่ในย่านความถี่ต่ำได้เลือกใช้วงจรภาคขยายเสียงแบบดิจิทัลเพื่อให้ได้น้ำเสียงที่อบอุ่น เป็นธรรมชาติ มีรายละเอียดในขณะที่ยังคงตอบสนองต่อสัญญาณเสียงได้อย่างทรงพลัง
นอกจากนั้นยังมีการเลือกใช้ลำโพงแบบ ultra-flat ในส่วนของระบบเสียงเซอร์ราวด์เพื่อสร้างมิติเสียง เนื่องจากตำแหน่งที่เหมาะสมกับการติดตั้งมีความลึกไม่มาก
ด้วยระบบเสียง Burmester ใน Purosangue ยังมาพร้อมกับตัวเลือกการตั้งค่าเสียงใหม่ทั้งหมด โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกการตั้งค่า Precise Bass ได้ถึงสามระดับเพื่อเสียงทุ้มที่คมชัดและชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่การตั้งค่า Stage Plus จะให้เสียงที่จำลองมิติเวทีเสียงที่ชัดเจนและสมจริง ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังใกล้ชิดกับเสียงเพลงมากยิ่งขึ้น
สรุปข้อมูลทางเทคนิคที่น่าสนใจ
– ระบบลำโพงทั้งหมด 21 ตัว รวมทั้งลำโพงซับวูฟเฟอร์ พร้อมภาคขยายเสียงกำลังขับรวม 1,420 วัตต์ รวมทั้งวงจรขับเสียงซับวูฟเฟอร์ 400 วัตต์
– ระบบเสียงแบบแอคทีฟโดยสมบูรณ์ แยกการควบคุมและวงจรขยายเสียงของลำโพงแต่ละตัว เพื่อให้สามารถปรับแต่งได้ละเอียดและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
– ตัวขับเสียงแบบริบบ้อน เพื่อรายละเอียดเสียงในระดับสูงสุด ความสะอาด และความมีชีวิตชีวาของเสียง ติดตั้งในทุกตำแหน่งที่นั่ง และบริเวณพื้นที่ตรงกลางของรถเพื่อสร้างมวลเสียงที่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน
– ลำโพงซับวูฟเฟอร์ติดตั้งในห้องอากาศขนาดใหญ่ เป็นระบบตู้ปิด พร้อมระบบแดมปิ้ง เพื่อการถ่ายทอดความถี่ต่ำที่แม่นยำและน่าทึ่งเป็นพิเศษ
– ส่วนของระบบเสียงเซอร์ราวด์สามมิติ เลือกใช้ลำโพงฟูลเรนจ์แบบ ultra-flat ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด เพื่อประสบการณ์เสียงแบบสามมิติที่สมจริงมากที่สุด
– ระบบภาคขยายเสียงแบบไฮบริด โดยในส่วนของเสียงกลางและเสียงแหลมเลือกใช้ภาคขยายเสียงและวงจรฟิลเตอร์แบบอะนาล็อก ขณะที่เสียงในย่านความถี่ต่ำเลือกใช้ภาคขยายเสียงแบบดิจิทัล เพื่อเสียงที่หนักแน่นเป็นธรรมชาติ มีรายละเอียดและทรงพลัง
– จุดเด่นคือระบบเสียงที่เปิดฟังได้ดังแบบไม่ต้องเค้นมากจนเกินไปในขณะที่ยังมีความเพี้ยนของเสียงที่ต่ำมาก เพื่อตอบสนองไดนามิกได้อย่างเต็มที่ เพื่อความเพลิดเพลินในการฟังที่เข้มข้นแต่ยังฟังสบายหู
ที่มา: hifiplus