Bose เปิดตัว QuietComfort 45 หูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ แบตอึด 24 ชั่วโมง
หลังจากมีภาพหลุดออกมาก่อนหน้านี้ วันนี้ Bose ได้เปิดตัว QuietComfort 45 (QC45) หูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ แบตอึด 24 ชั่วโมง ตั้งราคาเอาไว้ที่ $329.95 หรือประมาณ 10,730 บาท เริ่มวางจำหน่าย (ในต่างประเทศ) ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนนี้
หูฟังไร้สาย QC45 นำเสนอระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟและโหมดฟังเสียงแวดล้อมที่โบสเรียกว่า “Aware Mode” ซึ่งได้รับการปรับปรุงมาใหม่ล่าสุด มีการปรับปรุงระบบเสียงสนทนา และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานมากขึ้นเป็น 24 ชั่วโมง โดยโบสได้เริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ในเว็บไซต์
Bose QuietComfort 45 มาในตัวเลือก 2 สี คือ สีดำและสีขาว smoke white พร้อมรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายกับหูฟังไร้สายรุ่นก่อนหน้าอย่าง QuietComfort 35 II โดยมีส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกมากกว่าหูฟังไร้สายรุ่นพรีเมียมของโบสอย่าง Bose Noise Cancelling Headphones 700
ปุ่มควบคุมในหูฟังรุ่นใหม่ยังเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีทั้ง 4 ปุ่มอยู่ที่หูฟังด้านขวา และอีก 1 ปุ่มอยู่ที่หูฟังด้านซ้ายสำหรับทำหน้าที่เปลี่ยนโหมด ระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวนและโหมดฟังเสียงแวดล้อม
ตัวแทนจากโบสยืนยันว่าความสามารถในการตัดเสียงรบกวนของ QC45 นั้นเหนือกว่า QC35 II เมื่อพูดถึงการลดทอนเสียงรบกวนในช่วงความถี่เสียงกลาง ซึ่งเป็น “สิ่งที่มักพบในรถไฟหรือรถโดยสาร พื้นที่สำนักงานที่พลุกพล่าน รวมทั้งในคาเฟ่”
ในขณะที่หูฟังตัดเสียงรบกวน Bose Noise Cancelling Headphones 700 เปิดโอกาสให้คุณสามารถปรับแต่งปริมาณการตัดเสียงรบกวนได้ แต่ QC45 มีเพียงสองโหมดเท่านั้นคือ โหมดตัดเสียงรบกวนและโหมดฟังเสียงแวดล้อม
โบสคุยว่าหูฟัง QC45 ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพของไมโครโฟนแบบบีมฟอร์มอาร์เรย์ให้มีความสามารถในการตัดเสียงรบกวนและดูดเสียงพูดคุยสนทนาได้ดีขึ้นด้วย สำหรับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ QC45 ได้รับการปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 24 ชั่วโมง สามารถชาร์จไฟทางพอร์ต USB-C โดยรองรับการชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จเพียง 15 นาที ก็ใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมง
และเช่นเดียวกับ Bose Noise Cancelling Headphones 700 หูฟังไร้สาย QC45 รองรับการจับคู่กับหลายอุปกรณ์และสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ ขณะที่การทำตลาดหูฟังไร้สายรุ่น QC35 II จะถูกยกเลิก และแทนที่ด้วย QC45 อย่างไรก็ดี QC35 II จะยังคงมีจำหน่ายต่อไปจนกว่าสินค้าคงคลังที่มีอยู่ในร้านค้าปลีกจะหมดลง
ที่มา: The Verge