นักวิเคราะห์คาด Apple อาจเปิดตัว iPhone Ultra ที่อัปราคาขึ้นไปอีก หลังจากที่ซีอีโอ Apple บอกว่า ‘ลูกค้ายังจ่ายไหว’
Apple กำลังสำรวจความเป็นไปได้ในการเปิดตัว iPhone Ultra ที่มีราคาแพงกว่ารุ่น iPhone Pro และ Pro Max ข้อมูลนี้มาจากการวิเคราะห์ของนายมาร์ค เกอร์แมน ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ของ Apple เขายังเสริมว่าสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์กว่าเดิมนี้อาจเปิดตัวในปี 2024 ซึ่งเป็นเวลาเปิดตัวของ iPhone 16 ตามเวลาปกติ
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานายมาร์ค เกอร์แมน ทำนายว่ารุ่น “Ultra” อาจมาแทนที่รุ่น Pro Max เลยใน iPhone 15 ที่จะเปิดตัวในปีนี้ แต่ทฤษฎีล่าสุดของเขาชี้ให้เห็นว่า Apple ต้องการสร้าง iPhone ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีก รวมถึงราคาที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน นั่นหมายความว่ามันอาจราคาเปิดตัวที่สูงกว่า iPhone 14 Pro Max ซึ่งเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 37,000 บาท) ขึ้นไปอีก
ในระหว่างการประชุมในด้านของรายได้ของ Apple เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายทิม คุก ซีอีโอของ Apple ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ราคา iPhone จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เขาระบุว่าลูกค้าอาจต้องการจ่ายมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีขั้น เพราะว่า ‘iPhone กลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของผู้คนไปแล้ว’
“ผมคิดว่าผู้คนเต็มใจที่จะจ่ายมากขึ้นเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถจ่ายได้ในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ”
แม้ว่ายังไม่ชัดเจนว่าฟีเจอร์ประเภทใดที่จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ “Ultra” แต่ Gurman คาดการณ์ว่า “อาจมีการปรับปรุงกล้องเพิ่มเติม ชิปที่เร็วขึ้น และบางทีอาจมีจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นด้วย” นอกจากนี้ยังอาจมาพร้อมกับการออกแบบที่ไม่มีพอร์ตชาร์จไฟเพื่อรองรับการชาร์จแบบไร้สาย
ตามที่ระบุไว้โดยมาร์ค เกอร์แมน ว่า Apple ได้ ‘ให้เหตุผลแก่ผู้บริโภคในการจ่ายเงิน’ สำหรับการเพิ่มคุณสมบัติที่ดีที่สุดให้กับรุ่น Pro และ Pro Max เมื่อปีที่แล้ว Apple ได้สร้าง Dynamic Island พิเศษสำหรับ iPhone 14 Pro และ Pro Max เขายังบอกว่า Apple วางแผนที่จะสร้างความแตกต่างกันแต่ในละรุ่นให้มากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการเปิดตัว iPhone 15 ในปีนี้
iPhone 15 Pro และ Pro Max มีข่าวลือว่าจะมาพร้อมกับ USB-C และอาจใช้ปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิดปิดแบบสัมผัสแทนปุ่มทางกายภาพแบบเดิม ๆ นอกจากนี้ iPhone 15 Pro Max อาจเป็นอุปกรณ์เดียวที่มีเลนส์ปริทรรศน์ที่มีการซูมแบบออปติคอลที่ดีกว่า ทำให้ช่องว่างระหว่างแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันมากขึ้นไปอีก
ที่มา: The Verge
